น้อง ๆ รู้กันไหมว่าการทำพอร์ตมหาลัย หรือ Portfolio ในการยื่นเข้ามหาลัยนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ยิ่งเรารวบรวมแฟ้มผลงานไว้ดีเท่าไหร่ โอกาสในการผ่านการคัดเลือก TCAS รอบที่ 1 ก็มีมากขึ้นเท่านั้น ใครที่กำลังเตรียมตัวจะทำพอร์ตมหาลัย แต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นที่ตรงไหน วันนี้พี่วีวี่จะมาแชร์เคล็ดลับเล็ก ๆ ที่น้อง ๆ ทุกคนสามารถเอาไปปรับใช้กันได้เลย
ควรทำพอร์ตมหาลัยกี่หน้าถึงจะเหมาะสม
การทำพอร์ตมหาลัย (Portfolio) ในการยื่นคัดเลือก TCAS รอบที่ 1 ไม่ควรจะทำเกิน 10 หน้า (ไม่รวมหน้าปก) และต้องใช้ขนาดตัวอักษร และฟอนต์ที่อ่านง่าย รวมไปถึงโทนสีที่ใช้จะต้องเป็นธีมเดียวกันหมด เพื่อความสบายตาในการอ่าน โดยมีเนื้อหาที่กระชับ ไม่มากไปหรือน้อยไปนั่นเอง
ทำพอร์ตมหาลัยต้องใส่ข้อมูลอะไรบ้าง
ในส่วนของข้อมูลพอร์ตมหาลัย น้อง ๆ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าจะต้องใส่อะไรลงไปบ้าง แบบไหนถึงจะพอดี ไม่ดูน้อยหรือมากจนเกินไป พี่วีวี่จะมาแนะนำให้เอง ว่าแต่ละหน้าควรจะมีข้อมูลที่จำเป็นอะไรบ้างที่ควรใส่ลงไป
หน้าปก
หน้าปกเป็นส่วนที่สำคัญอย่างมากในการทำพอร์ตมหาลัย (Portfolio) เพราะจุดนี้เปรียบเสมือนหน้าร้านในการดึงดูดคนเข้ามา แม้ว่าเนื้อหาภายในที่น้อง ๆ เตรียมมาจะดีสักแค่ไหน แต่หากทำหน้าปกไม่ดึงดูด ก็อาจจะโดดปัดตกได้ง่าย ๆ เหมือนกัน ดังนั้น การออกแบบหน้าปกให้ดูดี เรียบง่าย แต่น่าสนใจ บวกกับการใส่ความคิดสร้างสรรค์แบบพอดี ๆ ตรงกับคณะที่สนใจ จะเป็นอีกคะแนนบวกที่ช่วยได้เหมือนกัน
ข้อมูลที่ควรมี
- ใส่ “ชื่อ-นามสกุล” ให้ชัดเจน
- ระบุ “คณะ” และ “สาขา” ที่ต้องการสมัคร
- ใส่ “ปีการศึกษา” ที่สมัคร
- ใส่ “โลโก้” ของมหาวิทยาลัยที่ต้องการสมัคร
- ใส่ “รูปภาพ” เพิ่มเติม (ถ้าต้องการ)
ทริกน่ารู้
- ออกแบบหน้าปกให้ตรงกับธีมสาขาที่อยากเรียน เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ เช่นใส่โลโก้หรือตาม มหาวิทยาลัยหรือสีของหน้าปกให้ตรงตามสีของคณะนั้นๆ
- เลือกใช้รูปที่สวมใส่ชุดนักเรียน และเห็นใบหน้าชัดเจน
ข้อควรระวัง
- หลีกเลี่ยงการใช้สีสันที่ฉูดฉาด
- หลีกเลี่ยงการใช้ฟอนต์ที่อ่านยาก
- หลีกเลี่ยงการใส่ข้อมูลที่ไม่จำเป็น
- หลีกเลี่ยงการใช้รูปภาพที่ไม่ชัดเจน
ตัวอย่างหน้าปก
คณะแพทยศาสตร์:
- ธีม: สุขภาพ
- สี: เขียว ขาว
- รูปภาพ: ถ่ายรูปตัวเองใส่เสื้อกาวน์ หรือเสื้อนักเรียนเพื่อความสุภาพ
- ฟอนต์: Lato เพื่อความสวยงาม
คำนำ
คำนำ เป็นอีกจุดที่สำคัญที่น้อง ๆ ต้องห้ามมองข้ามกันเด็ดขาดเลย เพราะจุดนี้จะเป็นเหมือนการเปิดประเด็น ที่จะบอกเหตุผล และความต้องการในการเข้าคณะที่เลือก เป็นจุดแรกที่กรรมการจะได้สัมผัสกับตัวตน ความคิด และความตั้งใจของน้อง การเขียนคำนำที่ดี จะช่วยสร้าง “ความประทับใจแรกพบ” ดึงดูดความสนใจ และโน้มน้าวให้กรรมการอยากอ่านเนื้อหาด้านในต่อไป
ข้อมูลที่ควรมี
- เขียน “ชื่อ-นามสกุล” ให้ชัดเจน
- เขียน “โรงเรียน” ที่จบการศึกษา
- เขียน “คณะ” และ “สาขา” ที่สมัคร
- อธิบาย “เหตุผล” ที่อยากเข้าคณะนี้
- อธิบาย “แรงจูงใจ” และ “เป้าหมาย” ของตัวเอง
ทริกน่ารู้
- ความยาวไม่ควรเกิน 1 หน้ากระดาษ A4
- เขียนให้ “กระชับ” อ่านง่าย ได้ใจความ
- เน้น “ประเด็นสำคัญ” ที่ต้องการจะสื่อสารเพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ
- หลีกเลี่ยงการเขียนวกวน
ประวัติส่วนตัว
ตรงส่วนประวัติส่วนตัว จะเป็นการเขียนข้อมูลพื้นฐานส่วนบุคคล น้อง ๆ ควรกรอกให้ละเอียดครบถ้วน และอย่าลืมตรวจเช็กความถูกต้องให้ดี เพราะหน้านี้จะเป็นข้อมูลส่วนตัวทั้งหมดเลย
องค์ประกอบสำคัญของ Personal Statement:
- แนะนำตัว: บอกชื่อ ความสนใจ และเป้าหมายของน้องในการเรียนคณะที่ต้องการ
- ประสบการณ์: เล่าประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องทั้งด้านการศึกษา กิจกรรมอาสาสมัคร งานอดิเรก หรือประสบการณ์อื่นๆ ที่แสดงความสามารถ และความสนใจของน้องที่มีต่อการเข้าเรียน
- แรงจูงใจ: ให้น้องอธิบายว่าทำไมถึงเลือกสมัครสาขาวิชานี้ และทำไมถึงเลือกที่นี่
- บทสรุป: สรุปใจความสำคัญ ย้ำถึงความสนใจของน้อง ๆ และแสดงความมุ่งมั่น
เทคนิคการเขียน Personal Statement:
- ความจริงใจ: เขียนด้วยความจริงใจ ตรงไปตรงมา และแสดงเอกลักษณ์ที่มีออกมา
- เฉพาะเจาะจง: เลือกประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสาขาวิชาที่สมัครเท่านั้นเพื่อไม่ให้เยิ่นเย้อมากเกินไป
- กระชับ: เขียนให้กระชับ ชัดเจน ใจความสำคัญครบถ้วน เห็นสิ่งที่น้องจะสื่อสารได้ชัดเจน
- ตรวจทาน: ตรวจทานงานเขียนอย่างละเอียดเพื่อไม่ให้มีคำผิดตกหล่น โดยเฉพาะกับชื่อคณะหรือชื่อมหาวิทยาลัย
ตัวอย่างประเด็นที่ควรเขียน:
- จุดอ่อน – จุดแข็งของน้อง ๆ คืออะไร?
- อะไรคือแรงบันดาลใจในการสมัครเรียนที่นี่?
- อะไรคือความท้าทายที่เคยพบเจอมา และได้เรียนรู้อะไร? (หากเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคณะที่ต้องการสมัครได้จะยิ่งดี)
- เป้าหมายในอนาคตไม่ว่าจะเป็นหลังเรียนจบ หรือการทำงานในสายวิชานั้น ๆ คืออะไร?
ประวัติการศึกษา
ประวัติการศึกษา จะเป็นข้อมูลที่บ่งบอกว่าผลการเรียนที่ผ่านมาของน้อง ๆ นั้นเป็นอย่างไรบ้าง มีการพัฒนาขึ้นมากน้อยเพียงใด รวมไปถึงเกรดเฉลี่ยสะสมทั้งหมด (GPAX) อยู่ในเกณฑ์ผ่านการคัดเลือกหรือไม่ และยังต้องมีประวัติการเข้าศึกษาในโรงเรียนต่าง ๆ ที่แสดงให้กรรมการพิจารณาอีกด้วย
ข้อมูลที่ควรมี
- ข้อมูลส่วนตัว: ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล
- การศึกษาระดับมัธยมศึกษา: ชื่อโรงเรียน ปีการศึกษา วุฒิการศึกษา
- การศึกษาเพิ่มเติม: หลักสูตรระยะสั้น การฝึกอบรม
- เกียรตินิยม รางวัลหรือทุนการศึกษาในระดับมัธยมศึกษา (ควรระบุที่มาของทุนหรือผู้ให้ทุนด้วย)
กิจกรรมที่เคยเข้าร่วม
กิจกรรมที่เคยเข้าร่วม เป็นอีกส่วนสำคัญที่น้อง ๆ ควรเลือกแต่กิจกรรมเด่น ๆ ที่ผ่านมา หรือผลงานที่น้อง ๆ รู้สึกภาคภูมิใจ และมีความเกี่ยวข้องกับคณะที่เลือก โดยให้เลือกจากกิจกรรมที่เคยผ่านเข้ารอบ หรือรับรางวัลมาจะดีที่สุด แต่หากไม่มี ก็ขอแค่เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสาขาที่ยื่นเท่านั้น ไม่ควรใส่เยอะจนเกินไป
ข้อมูลที่ควรมี
- ชื่อกิจกรรม
- ประเภทของกิจกรรม เช่น กิจกรรมในโรงเรียน / มหาวิทยาลัย กิจกรรมอาสาสมัคร หรือกิจกรรมอื่นๆ
- บทบาท / หน้าที่ในการทำกิจกรรม เพื่อแสดงความสามารถด้านอื่น ๆ
- ระยะเวลาในการร่วมกิจกรรม
- ผลลัพธ์ / ความสำเร็จ ที่ได้จากการทำกิจกรรม
- ทักษะที่ได้เรียนรู้จากการทำกิจกรรมดังกล่าว
ผลงานและเกียรติบัตร
นอกเหนือจากกิจกรรม ผลงานและเกียรติบัตร ก็เป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญ ที่น้อง ๆ จำเป็นจะต้องใส่ลงไป เพื่อแสดงให้เห็นถึงรางวัลที่เคยได้รับ หรือเกียรติบัตรต่าง ๆ ที่ผ่านมาตลอดปีการศึกษา เพราะจุดนี้จะเป็นการแสดงถึงความสามารถพิเศษ ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากในการพิจารณาจากกรรมการ และยังบ่งบอกว่าเป็นเด็กกิจกรรม ที่มีทัศนคติที่ดีในการช่วยเหลือผู้อื่น
ข้อมูลที่ควรมี
- ชื่อผลงาน / รางวัล และประเภทของผลงาน / รางวัล เช่น วิชาการ กิจกรรมการประกวด กิจกรรมการกีฬา หรือกิจกรรมอื่น ๆ
- ควรระบุที่มาของผลงานและช่วงระยะเวลาในการทำผลงานให้ชัดเจน
- แนะนำให้ดึงผลงานเด่นระดับประเทศมาแสดงก่อน (หากมี) จากนั้นจึงเป็นระดับภาคหรือระดับจังหวัดรองลงมา
- หากสามารถเพิ่มเติมได้ว่ารางวัลดังกล่าวนำไปประยุกต์ใช้ด้านใดต่อได้จะยิ่งทำให้ได้คะแนนมากขึ้น
3 เช็กลิสต์ จุดที่ต้องเช็กให้เรียบร้อยก่อนยื่นพอร์ตโฟลิโอ
เมื่อน้อง ๆ ทำพอร์ตมหาลัยเสร็จแล้ว พี่วีวี่มีเช็กลิสต์ที่อยากจะมาย้ำเตือนให้ได้ทราบกันอีกครั้ง อย่างที่บอกกันไปว่า พอร์ตมหาลัยจะต้องเป็นอะไรที่อ่านเข้าใจง่าย กระชับ และมีความสวยงามในการนำเสนอ รีบมาดูเช็กลิสต์ด้านล่างนี้ พร้อมตรวจเช็กอีกรอบไปพร้อม ๆ กันดีกว่า
1. ตรวจเช็กความเรียบร้อยของเนื้อหา
สิ่งแรกที่ไม่ควรพลาดเลย ก็คือในส่วนของเนื้อหา จะต้องไม่มีตัวสะกดที่ผิด เพราะจุดนี้แสดงถึงความรอบคอบในการทำพอร์ตมหาลัย น้อง ๆ จึงควรตรวจทานอีกรอบให้มั่นใจว่าไม่มีจุดผิดเด็ดขาด
2. ฟอนต์และสีที่เลือกใช้ต้องอ่านง่าย
ฟอนต์กับสีที่เลือกใช้ จะเป็นต้องอ่านง่าย ไม่ลายตา และควรเลือกเป็นอักษรที่มีหัวจะดีที่สุด เพื่อป้องกันการอ่านผิดในบางจุด
3. การจัดวางที่เป็นระเบียบ
การจัดเรียงข้อมูลควรเป็นระเบียบ เว้นบรรทัดเท่ากัน เพื่อง่ายต้องการไล่อ่านข้อมูลได้อย่างครบถ้วน ไม่สลับไปมาจนเกิดความสับสน ซึ่งอาจส่งผลต่อการพิจารณาของกรรมการได้
สรุป ก่อนทำพอร์ตมหาลัย อย่าลืมหาคอร์สติวก่อนสอบ
เป็นอย่างไรกันบ้างกับข้อมูลที่พี่วีวี่นำมาแชร์กันในวันนี้ การทำพอร์ตมหาลัยก็ไม่ได้ยาก หรือน่ากลัวอย่างที่คิดเลยใช่ไหมล่ะ แต่สำหรับน้อง ๆ คนไหนที่ยังอยากเตรียมพร้อมให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะในเรื่องความรู้ด้านวิชาการ อย่าลืมหาคอร์สติวเข้ามหาลัย 68 ไว้เสริมความรู้ให้แน่น ๆ กันด้วยนะ ใครยังไม่รู้จะเลือกที่ไหน มาเรียนกับ WE BY THE BRAIN ได้เลย ที่นี่เรามีความรู้ให้แบบอัดแน่น เข้าใจง่าย เรียนแล้วสนุก ไม่มีปวดหัว
อัปเดตข่าวสารและสอบถามรายละเอียด เซต จาก WE BY THE BRAIN ได้ที่
- WE CARE : 02-952-6767
- Line OA : @weplus_care
- Facebook Page : WE BY THE BRAIN
- Instagram : webythebrain
- Twitter : @WEBYTHEBRAIN
- Youtube : WE BY THE BRAIN
โรงเรียนกวดวิชา วี บาย เดอะเบรน เรียนสนุก เข้าใจง่าย ทำโจทย์ได้จริง!