เมื่อยิ่งเข้าใกล้ช่วงของการสอบ ผู้ปกครองหลาย ๆ ท่าน ก็อาจจะเริ่มมีความกังวล หรือเริ่มเป็นห่วงว่าลูกหลานของตัวเองจะหมดไฟอ่านหนังสือ และกลัวว่า น้อง ๆ จะผิดหวังในเรื่องที่สอบเข้ามหาวิทยาลัย หรือคณะ / สาขาวิชาที่ต้องการไม่ได้ แต่บางครั้งก็ไม่รู้ว่าจะต้องพูดให้กำลังใจเขาอย่างไรดี เพราะกลัวว่าหากพูดอะไรไปจะกลายเป็นการกดดัน และทำให้น้องเครียดขึ้นกว่าเดิมแทน วันนี้ WE BY THE BRAIN จึงมีเทคนิคเติมพลังในการอ่านหนังสือ นำเอามาฝากผู้ปกครองที่ต้องการจะให้กำลังใจลูก ๆ หากอยากช่วยเติมไฟแต่ไม่อยากกดดัน บทความนี้ช่วยได้
อาการหมดไฟ (Burnout) คืออะไร
อาการหมดไฟ (Burnout) เป็นภาวะที่ร่างกายและจิตใจเหนื่อยล้าอย่างมาก จนส่งผลให้ขาดแรงจูงใจในการทำสิ่งต่าง ๆ โดยเฉพาะในเรื่องการเรียน หรือการอ่านหนังสือ มักเกิดจากความเครียดสะสม การกดดันตัวเองมากเกินไป หรือการทำงานหนักติดต่อกันเป็นเวลานานโดยไม่ได้พักผ่อน ซึ่งหากปล่อยไว้โดยไม่จัดการแก้ไข อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและใจในระยะยาวได้ค่ะ
สัญญาณเตือนว่า ลูกกำลังหมดไฟอ่านหนังสือ
สัญญาณที่บ่งบอกว่าเด็ก ๆ ของท่านกำลังหมดไฟอ่านหนังสือ สามารถสังเกตได้จากพฤติกรรมของเขา หากผู้ปกครองเริ่มได้ยินลูกๆบ่นว่า “ไม่อยากอ่านหนังสือแล้ว” หรือ “อ่านไปก็จำไม่ได้” และนอกจากคำพูดอาจมีอารมณ์หงุดหงิด เหวี่ยงวีน ในช่วงที่อ่านหนังสือสอบ อาจบ่งบอกได้ว่าลูก ๆ ของท่านกำลังหมดไฟในการอ่านหนังสือ หากยิ่งมีพฤติกรรมอื่น ๆ เปลี่ยนแปลงไปด้วย อย่างเช่น นอนไม่หลับ, ไม่อยากทานอาหาร, ปวดหัว, ปวดท้อง เป็นไปได้ว่าตอนนี้ลูกหลานของท่านอาจกำลังรู้สึกแย่ทั้งร่างกาย และจิตใจเลยทีเดียว
5 เทคนิคเติมพลังให้ลูกกลับมาอ่านหนังสือได้อย่างมีไฟ
อย่างที่ได้มีการเกริ่นไปในตอนต้นแล้วว่า วันนี้ WE BY THE BRAIN จะมาแชร์เทคนิคต่าง ๆ ที่จะช่วยเติมพลัง เติมไฟ ให้ผู้ปกครองสามารถนำเอาไปใช้กับลูกหลานได้ โดยเทคนิคเหล่านี้ ล้วนเป็นเทคนิคที่ได้มีการสอบถามมาจากน้อง ๆ ที่เรียนกับ WE BY THE BRAIN พี่วีวี่รับประกันว่าเทคนิคที่นำมาฝาก จะช่วยเติมไฟ พร้อมให้กำลังใจ แบบที่เด็ก ๆ จะไม่รู้สึกว่าผู้ปกครองกดดันอยู่แน่นอน
1. เป็นที่ปรึกษาที่ดีให้กับลูก
สิ่งแรกที่ผู้ปกครองควรจะทำ และควรจะเป็นให้กับลูกเสมอ คือการเป็นที่ปรึกษาที่ดี ผู้ปกครองต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การหมดไฟอ่านหนังสือเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ หากคุณพ่อคุณแม่วางตัวเป็นที่ปรึกษาที่ดีในสายตาของเหล่าเด็ก ๆ จะทำให้น้อง ๆ กล้าที่จะปรึกษา และบอกความต้องการของตัวเอง อีกทั้งยังทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างลูก ๆ และผู้ปกครองเป็นไปในทางที่ดีด้วย
2. ไม่กดดันลูกมากจนเกินไป
ไม่ว่าลูก ๆ ของท่านจะมีความรู้สึกหมดไฟ หรือยังไม่หมดไฟในการอ่านหนังสือก็ตาม พ่อแม่จะต้องไม่กดดันให้เด็ก ๆ อ่านหนังสือมากจนเกินไป เพราะการบีบบังคับหรือการกดดัน จะทำให้เด็ก ๆ รู้สึกเบื่อ เครียด และไม่อยากทำในสิ่งนั้น ๆ เขาอาจจะทิ้งการอ่านหนังสือไปเลยก็ได้ หากท่านกำลังกดดันลูกหลานในเรื่องการอ่านหนังสืออยู่ แนะนำให้เปลี่ยนเป็นการใช้วิธีพูดคุยด้วยเหตุผล วางตัวสบาย ๆ แบบนี้จะทำให้น้อง ๆ รับฟัง และเข้าใจถึงความหวังดีได้มากกว่า
3. จัดสรรเวลาพักผ่อนให้ดี
หากลูกของท่านหมดไฟอ่านหนังสือ ท่านสามารถช่วยเติมไฟ และพลังใจให้น้อง ๆ กลับมามีแรงฮึดได้อีกครั้ง ด้วยการหาเวลาไปพักผ่อนร่วมกัน เพราะการอ่านหนังสือที่ดี อาจไม่จำเป็นต้องนั่งอยู่กับหนังสือตลอดเวลา ควรมีเวลาให้ร่างกาย สมอง และจิตใจได้พักผ่อนบ้าง การออกไปเปิดหูเปิดตา ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีเติมเชื้อไฟอย่างดีทีเดียว
4. ให้ความสำคัญกับความพยายามของลูก
การให้กำลังใจที่ดีอีกหนึ่งวิธี คือการที่ผู้ปกครองให้ความสำคัญกับความพยายามของเด็ก ๆ เพียงปรับเปลี่ยนมุมมองมาโฟกัสที่ความตั้งใจ แทนการโฟกัสที่ผลลัพธ์เพียงอย่างเดียว ต่อให้ลูก ๆ ของท่านจะไม่สามารถสอบติดมหาวิทยาลัยที่คาดหวังเอาไว้ได้ หรือน้อง ๆ รู้สึกหมดไฟในการอ่านหนังสือ เพียงพูดให้กำลังใจและชื่นชมในสิ่งที่เขาทำ ให้โอกาสน้อง ๆ ได้แก้ตัวใหม่ เพียงเท่านี้ลูกหลานของท่านก็จะมีกำลังใจในการพยายามต่อไป และเขาจะรู้สึกว่าความพยายามของเขาที่ทำไปมันไม่สูญเปล่า
5. แอบกระตุ้นห่าง ๆ ด้วยรางวัล
วิธีเติมพลังให้เมีไฟกลับด็ก ๆ มาอ่านหนังสืออีกครั้ง หลังจากที่หมดไฟอ่านหนังสือไป สามารถทำได้ด้วยการแอบกระตุ้นห่าง ๆ ผู้ปกครองอาจกระตุ้นด้วยการให้เสนอข้อแลกเปลี่ยน สิ่งของ หรืออะไรก็ตามที่น้อง ๆ อยากได้ เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจในการอ่านหนังสือ แต่สิ่งสำคัญคือ หากพูดเอาไว้แล้ว และเขาทำได้ จะต้องให้รางวัลจริงทุกครั้ง
เทคนิคเติมพลังไฟในการอ่านหนังสือ พร้อมลุยทุกข้อสอบ
นอกจากเทคนิคเติมไฟในการอ่านหนังสือสำหรับให้ผู้ปกครองนำไปใช้กับลูก ๆ หลาน ๆ แล้ว พี่วีวี่ก็มี 5 เทคนิคที่ช่วยเติมพลังไฟในการอ่านหนังสือด้วยตนเองมาฝากเช่นกัน ไม่ต้องรอให้ใครมาเติมพลังไฟให้กับเรา เพราะเราสามารถสร้างกำลังใจให้กับตนเองได้ แล้วจะต้องทำอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันค่ะ
1. กำหนดระยะเวลาในการอ่านหนังสือสอบให้ชัดเจน
หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เรารู้สึกเหนื่อยและหมดไฟได้ง่าย ๆ ก็คือการที่เราทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ ซึ่งการอ่านหนังสือสอบก็เหมือนกัน สำหรับใครที่ตอนนี้กำลังหมดไฟอ่านหนังสืออยู่ พี่วีวี่แนะนำให้ลองกำหนดระยะเวลาอ่านหนังสือแต่ละวิชาให้ชัดเจนดูว่า เหลืออีกกี่วัน กี่เดือนถึงจะสอบ และอย่าลืมแบ่งเวลาสำหรับพักผ่อนด้วย เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้น้อง ๆ มีกำลังใจที่จะอ่านหนังสือต่อเพิ่มขึ้นแล้ว
2. กำหนดเป้าหมายเล็ก ๆ ในแต่ละวัน
หากน้อง ๆ วางเป้าหมายใหญ่แค่เป้าหมายเดียว เช่น ต้องการสอบติดมหาวิทยาลัยในฝัน กว่าที่จะประสบความสำเร็จ อาจต้องใช้ระยะเวลาหลายเดือน หรือหลายปี ซึ่งเป็นระยะเวลานานเกินไป และอาจทำให้น้อง ๆ หมดไฟอ่านหนังสือสอบไปเสียก่อน พี่วีวี่แนะนำให้น้อง ๆ ลองกำหนดเป้าหมายเล็ก ๆ ในแต่ละวัน เช่น ในสุดสัปดาห์นี้ฉันจะทบทวน 2 บทเรียน และทำข้อสอบ 50 ข้อ เป็นต้น เมื่อทำสำเร็จก็จะช่วยให้น้อง ๆ มีความภาคภูมิใจในตนเองมากขึ้น และพร้อมที่จะลุยเป้าหมายเล็ก ๆ ถัดไปจนกระทั่งถึงเป้าหมายใหญ่ในที่สุด
3. ลองเปลี่ยนบรรยากาศอ่านหนังสือ
บางครั้งการนั่งอ่านหนังสือที่เดิม ๆ ก็อาจทำให้เรารู้สึกเบื่อและหมดไฟได้ พี่วีวี่แนะนำให้น้อง ๆ ลองเปลี่ยนบรรยากาศในการอ่านหนังสือดู เช่น ย้ายจากห้องนอนไปอ่านที่ห้องนั่งเล่น ไปอ่านที่ห้องสมุด หรือร้านกาแฟที่มีบรรยากาศเงียบสงบ เป็นต้น เพราะการเปลี่ยนสถานที่จะช่วยให้สมองของเราตื่นตัว และมีแรงบันดาลใจในการอ่านหนังสือมากขึ้นค่ะ
4. ให้รางวัลกับตนเอง ลองแบ่งเวลาไปพักผ่อน หรือทำกิจกรรมที่ชอบดู
การให้รางวัลตัวเองเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ เลย น้อง ๆ ลองตั้งเป้าหมายว่า ถ้าอ่านหนังสือได้ตามที่ตั้งใจ จะให้รางวัลตัวเองด้วยการทำในสิ่งที่ชอบ เช่น ดูซีรีส์ เล่นเกม ออกไปช้อปปิ้ง หรือทานของอร่อย ๆ การมีรางวัลเป็นแรงจูงใจจะช่วยให้น้อง ๆ มีกำลังใจในการอ่านหนังสือมากขึ้น และยังช่วยให้สมองได้พักผ่อนด้วยค่ะ
5. ดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจให้แข็งแรงอยู่เสมอ
การดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเรียน น้อง ๆ ต้องนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และหาเวลาผ่อนคลายความเครียดบ้าง เพราะถ้าร่างกายและจิตใจแข็งแรง เราก็จะมีพลังและสมาธิในการอ่านหนังสือมากขึ้น อย่าลืมว่าการดูแลตัวเองก็สำคัญไม่แพ้การเตรียมตัวสอบนะคะ
เตรียมพร้อมสอบเข้ากับ WE BY THE BRAIN เรียนสนุก ไม่น่าเบื่อ!
นอกจากวิธีที่กล่าวไปในข้างต้นทั้งหมดแล้ว การเลือก คอร์สติวเข้ามหาลัย ที่เป็นคอร์สเรียนสนุก และมีติวเตอร์ที่มากประสบการณ์ สอนได้อย่างครอบคลุม และมีเทคนิคการสอนเยอะ ก็สามารถเพิ่มความรู้สึกให้น้อง ๆ อยากที่จะเรียน อยากที่จะอ่านหนังสือมากยิ่งขึ้นได้
อัปเดตข่าวสารและสอบถามรายละเอียดคอร์สติวเข้ามหาลัย 68 จาก WE BY THE BRAIN ได้ที่
สำหรับผู้ปกครองท่านไหนที่กำลังมองหาคอร์สติวดี ๆ ที่ WE BY THE BRAIN มีคอร์สติวมากมาย รับประกันว่า นอกจากความรู้แบบอัดแน่นที่จะได้รับแล้ว ติวที่นี่น้อง ๆ จะได้พบกับบรรยากาศการเรียนสนุก ๆ ไม่ตึงเครียด รวมถึงได้เทคนิคติดตัวก่อนลงสนามสอบด้วย หากผู้ปกครองหรือน้อง ๆ ท่านไหนสนใจคอร์สติว ก็สามารถอัปเดตข่าวสาร และสอบถามรายละเอียดคอร์สเรียนพิเศษได้ที่ ช่องทางต่อไปนี้ได้เลย
- WE CARE : 02-952-6767
- Line OA : @weplus_care
- Facebook Page : WE BY THE BRAIN
- Instagram : webythebrain
- Twitter : @WEBYTHEBRAIN
- Youtube : WE BY THE BRAIN
โรงเรียนกวดวิชา วี บาย เดอะเบรน เรียนสนุก เข้าใจง่าย ทำโจทย์ได้จริง