เด็กม.ปลายต้องรู้ วางแผนการเรียนอย่างไร ให้ผลการเรียนดีขึ้น

วางแผนการเรียน ม.ปลาย

       “ผลการเรียนที่ดี เริ่มต้นที่การวางแผนการเรียน” ประโยคนี้ไม่ได้เกินจริง เพราะเมื่อเรียนมาจนถึงระดับชั้นมัธยมปลาย เนื้อหาในบทเรียนต่าง ๆ จะมีความหลากหลาย ซับซ้อน และลงลึกมากขึ้นกว่าเนื้อหาที่เรียนในช่วงระดับชั้นมัธยมต้น ทำให้น้อง ๆ หลายคนเกิดความรู้สึกกดดัน บางคนกังวลว่าจะเรียนตามไม่ทันเพื่อน กลัวเกรดเฉลี่ยจะตก ซึ่งผลการเรียนนั้นมีผลอย่างมากต่อการนำไปยื่นสมัครสอบเข้าเรียนต่อคณะที่ต้องการ ในมหาวิทยาลัยชั้นนำได้ในอนาคต การวางแผนการเรียนล่วงหน้าจึงมีความจำเป็นอย่างมากสำหรับน้อง ๆ ในวัยเรียน

        คำถามต่อมาคือ แล้วการวางแผนการเรียนแบบไหนล่ะ ที่จะทำให้ประสบความสำเร็จทางการเรียนได้ตามเป้าหมาย? เรียนอย่างไรให้ผลการเรียนดีขึ้น? บทความนี้จาก WE มีคำตอบมาฝากกันค่ะ

สนใจหัวข้อไหน คลิกเลย

HOW TO วางแผนการเรียนล่วงหน้า เพื่อโอกาสที่ดีกว่ามุ่งสู่มหาวิทยาลัยในฝัน

1. ประเมินตนเอง

คือ การวิเคราะห์จุดอ่อน และการมองหาจุดแข็งของตนเองให้เจอก่อนเริ่มเรียน เพราะแน่นอนว่าไม่มีใครถนัดในทุกวิชาที่เรียน และเช่นเดียวกันไม่มีใครที่จะไม่มีความถนัดในวิชาใดเลย ดังนั้นอย่าด่วนตัดสิน หรือดูถูกความสามารถของตัวเอง เพราะจะยิ่งเป็นการกดดันและบั่นทอนกำลังใจของน้อง ๆ การประเมินตนเองจะช่วยให้น้อง ๆ รู้วิธีแก้ไขจุดอ่อนของตนเองได้อย่างตรงจุด ทำให้รู้ว่าต้องเน้นหนักที่วิชาใดเป็นพิเศษ หรือหากใครยังไม่แน่ใจว่าตนเองถนัดในวิชาไหน อาจเริ่มต้นจากการมองหาวิชาที่ชอบที่สุด แล้วค่อย ๆ พัฒนาทักษะของตนเองให้วิชาที่ชอบกลายเป็นวิชาที่ถนัดได้

อย่างไรก็ตาม อย่าทิ้งวิชาที่คิดว่าตนเองถนัด เนื่องจากเนื้อหาและบทเรียนในช่วงมัธยมปลายนั้นค่อนข้างมีความซับซ้อน แม้จะเป็นวิชาที่มั่นใจว่ามีความถนัดแต่ก็ควรหมั่นฝึกฝน มีวินัยในการอ่านหนังสือและฝึกทำโจทย์อยู่เสมอ กล่าวคือ หากอยากมีผลการเรียนที่ดีขึ้น ต้องรู้จักวิธีชูจุดแข็งและกลบจุดอ่อนของตนเองด้วย

2. ลองอ่านหนังสือด้วยตัวเองก่อนเรียนจริง

การลองอ่านหนังสือวิชาต่าง ๆ ก่อนเริ่มเรียนจริง ก็เปรียบเสมือนนักกีฬาที่ได้ผ่านการฝึกฝน ผ่านการวอร์มร่างกายก่อนลงสนามจริง ได้รู้ก่อนว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้างเพื่อเตรียมรับมือ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้มีความพร้อมมากกว่านักกีฬาที่ไม่เคยผ่านการฝึกฝนมาก่อน และแน่นอนว่าผู้ที่มีความพร้อมมากกว่า ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จได้ง่ายกว่า

กับการเรียนก็เช่นกัน น้อง ๆ ควรเตรียมความพร้อมด้วยการลองศึกษาดูว่าบทเรียนที่ต้องเรียนในเทอมต่อไปมีอะไรบ้าง บทไหนมีความยากง่ายระดับใด เพื่อให้สามารถเตรียมความพร้อมได้ตั้งแต่ก่อนเริ่มเรียน

วางแผนการเรียน ม.ปลาย

3. วางเป้าหมายผลการเรียนที่ต้องการ

เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนในการพัฒนาตนเองทางด้านการเรียน อีกหนึ่งสิ่งที่ควรทำคือ การกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน และทำเป้าหมายนั้นให้สำเร็จลุล่วง เช่น หากโดยปกติไม่ถนัดวิชาคณิตศาสตร์ มีผลการเรียนอยู่ในระดับปานกลาง แต่ต้องการมีผลการเรียนในระดับดีมาก ก็ต้องหาทางพัฒนาทักษะของตนเอง ท่องจำสูตรให้ได้ ลองฝึกทำโจทย์บ่อย ๆ หรืออาจหาคอร์สเรียนพิเศษเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจ โดยอาจเลือกเป็นคอร์สเรียนแบบเฉพาะบท หรือคอร์สเรียนแบบครบทุกบท ครอบคลุมเนื้อหาตลอดทั้งเทอมก็ได้ เพียงเท่านี้ผลการเรียนที่คาดหวังก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วค่ะ

4. หาโค้ช (ติวเตอร์) ที่ไว้ใจได้

สำหรับน้อง ๆ บางคน การวางแผนการเรียนด้วยตัวเอง อาจเปรียบเหมือนการวิ่งทางไกลโดยไม่มีแผนที่ วิ่งแบบไม่รู้ทิศทาง ทำให้ยิ่งวิ่ง ยิ่งเหนื่อย เมื่อเจออุปสรรคก็อาจจะทำให้เกิดความรู้สึกท้อแท้ใจได้โดยง่าย ผลการเรียนก็อาจยิ่งแย่ลงได้ ดังนั้นการมีโค้ชคู่ใจมาช่วยบอกทิศทาง ชี้ทางลัด ก็จะทำให้ถึงจุดหมายได้ง่ายขึ้น รู้สึกเหนื่อยน้อยกว่า

อย่างไรก็ตามการที่น้อง ๆ จะเลือกใครสักคนให้มาเป็นโค้ชคู่ใจทางการเรียน หรือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยเพื่อวางแผนการเรียนล่วงหน้า และช่วยพัฒนาผลการเรียนให้ดีขึ้นนั้น แนะนำว่าต้องเลือกติวเตอร์ที่มีประสบการณ์ มีความรู้ ความชำนาญ ในวิชานั้น ๆ และที่สำคัญคือต้องมีทักษะความสามารถในการสอน สามารถถ่ายทอดความรู้ ถ่ายทอดเนื้อหาได้อย่างครบถ้วน

วางแผนการเรียนม.ปลาย

5. มีวินัยในตนเอง

แน่นอนว่าเป้าหมายของการวางแผนการเรียนล่วงหน้าของน้อง ๆ เกือบทุกคน คือการมีผลการเรียนที่ดีขึ้น และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การมีวินัยในตนเอง อย่าล้มเลิกเป้าหมายกลางทาง อย่าหมดความพยายาม มุ่งมั่น และตั้งใจทำทุกอย่างให้เป็นไปตามแผนการเรียนที่วางไว้

วางแผนการเรียนกับ WE เกรดดีขึ้นแน่นอน

เมื่ออ่านมาจนถึงตรงนี้ เชื่อว่าน้อง ๆ หลายคน คงจะได้รับข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับวิธีการเตรียมตัวและวางแผนการเรียนล่วงหน้า เพื่อพิชิตคะแนนเก็บ และคว้าคะแนนสอบให้ได้ตามเป้ากันแล้ว ส่วนน้อง ๆ คนไหน ที่อยากมีโค้ชหรือติวเตอร์ส่วนตัวดี ๆ ซึ่งจะช่วยให้ไปถึงเป้าหมายได้ง่ายมากขึ้นนั้น ทาง We By The Brain รวมถึงทีมพี่ ๆ We Tutors ก็พร้อมที่จะให้คำแนะนำ มาเป็นเด็ก WE กับเรา มีเทคนิคดี ๆ สำหรับแต่ละวิชามาบอก สอนสนุก เปลี่ยนวิชายากให้เป็นวิชาที่น่าเรียน

วางแผนการเรียนม.ปลาย

We By The Brain เป็นโรงเรียนกวดวิชาแห่งแรกที่เปิดโอกาสให้น้อง ๆ ได้มีโอกาสทดลองเรียนฟรี เพื่อให้น้องได้พิสูจน์คุณภาพของการเรียนการสอน ประกอบการตัดสินใจก่อนสมัครเรียนจริง การันตีความพึงพอใจจากน้อง ๆ ที่เคยทดลองเรียนที่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ทดลองเรียนมาหลายที่ สุดท้ายคลิกกับวิธีการสอนของพี่ๆ WE ติวเตอร์ที่สุด”

Review จาก น้องโปรเจค นาย พชรพล พรหมสิรินิมิต (สอบติดคณะ แพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล)

น้องโปรเจค ได้เผยถึงประสบการณ์การเรียนกับ WE รวมถึงความรู้สึกที่อยากบอกต่อสู่น้อง ๆ ที่กำลังตัดสินใจหาโรงเรียนเพื่อเรียนกวดวิชา ดังนี้

ถาม : สำหรับน้องโปรเจคการเรียนล่วงหน้าดีอย่างไร ?

ตอบ : ผมว่าการเรียนคอร์สล่วงหน้าเนี่ยมันดีมากนะครับ คือ อย่างที่บอกไปว่าแต่ละคนมันมีวิธีการเรียนที่ไม่เหมือนกัน สำหรับบางคนเนี่ยอาจจะเรียนในห้องครั้งเดียวแล้วเข้าใจเลย แต่สำหรับผมเนี่ยอาจจะเป็นคนที่ไม่ได้หัวไวขนาดนั้น ก็จะเน้นเรื่องความขยัน ทำบ่อยๆมากกว่าที่จะเป็นการพัฒนาให้เราเก่งขึ้น ผมคิดว่าถ้าเรามีเวลาว่าง อย่างช่วงปิดเทอม บางคนอาจจะมีไปทำกิจกรรม แต่ว่าบางคนอาจจะว่าง ก็อยากให้ลองแบ่งเวลา 1 วัน อาจจะสัก 2 ชั่วโมง นะครับ มาลองเรียนล่วงหน้าดู เพราะว่า มันจะเป็นการปูพื้นฐานล่วงหน้า เป็นการฝึกซ้อมมือครับ แล้วพอเราไปเรียนในห้องเนี่ย เหมือนเรามีพื้นฐานอยู่แล้ว เราก็จะอุ้ย จำได้ว่าเคยเรียนมาแล้วอะไรอย่างนี้ครับ มันก็อาจจะไม่ต้องพยายามมากเท่ากับคนอื่นที่ไม่เคยเรียนมาก่อนครับ มันก็ถือว่าเป็นการปูพื้นฐานที่ดีเลยครับ

และทั้งหมดนี้คือข้อมูลดี ๆ และเหตุผลว่าทำไม น้อง ๆ จึงควรมีการวางแผนการเรียนล่วงหน้า หวังว่าน้อง ๆ ทุกคนจะได้ประโยชน์จากบทความนี้ และนำไปต่อยอดให้สามารถมีผลการเรียนที่ดีขึ้นได้นะคะ

บทความที่เกี่ยวข้อง

Top
สอบถามรายละเอียดได้ที่นี่ค่ะ