หลังจากจัดกิจกรรมร่วมสนุกเพื่อแสดงความคิดเห็นผ่านช่องทาง LINE@ เกี่ยวกับแผนการเรียน เด็กวิทย์ VS เด็กศิลป์ มีกระแสตอบรับดีเกินคาด พี่วีวี่ซึ่งเป็นพนักงานงบน้อยไม่มีของขวัญอันใดจะมอบให้ จึงขอตอบแทนการแสดงความคิดเห็น ผ่านบทความที่จะช่วยสร้างประโยชน์ให้กับน้องๆแทนนะคะ ^^
ก่อนอื่นขอประกาศผลการโหวต นับตั้งแต่วันที่ 29 กุมภาพันธ์ กระทั่งปิดโหวตเมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา … ผลการโหวตก็ได้ออกมาตามข้อสรุปด้านล่างนี้จ้า
ต้องขอขอบคุณน้องๆทุกคนอีกครั้งนะคะสำหรับการร่วมแสดงความคิดเห็น … ว่าแล้วก็มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าว่า “แผนวิทย์ – แผนศิลป์ … ทางเลือกไหนที่เหมาะกับเรา” แต่ก่อนอื่นมาลองสำรวจกันเล่นๆกันนะว่าคุณสมบัติที่เรามีต่อไปนี้ตรงกับฝั่งไหนมากกว่ากันระหว่าง Science หรือ Artist
จากภาพเป็นการแบ่งประเภทรูปแบบความคิด 2 ส่วน คือ นักคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) ซึ่งเป็นคุณสมบัติของนักวิทยาศาสตร์ หรือเด็กแผนวิทย์ และ นักคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creative Thinking) ที่เป็นคุณสมบัติของศิลปิน หรือ เด็กแผนศิลป์นั่นเอง … เอ้า ว่าแล้วก็ลองเช็คตัวเองกันดูได้เลยนะคะ
เมื่อสำรวจกันเสร็จแล้วก็มาตามกันต่อกับเรื่องน่ารู้ของเด็กแผนวิทย์ – ศิลป์ กันได้เลย
ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับเด็กวิทย์
มาเริ่มกันที่แผนวิทย์ หรือเรียกแบบเต็มๆก็คือแผนการเรียนวิทย์-คณิต กลุ่มนี้จะมุ่งเน้นในวิชา ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ซึ่งเดิมทีน้องจะคุ้นเคยกับการเรียนเป็นกลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ ในสมัย ม.ต้น นั่นเองเช่นเดียวกับวิชา คณิตศาสตร์ ที่เพิ่มดีกรีความเข้มข้นของเนื้อหา ส่วนวิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ หรือสังคม ยังคงพบเจออยู่บ้างแต่ไม่ใช่สัดส่วนที่มากมาย
ดังนั้นคุณสมบัติของน้องที่ต้องการเลือกแผนการเรียนนี้ควรมีพื้นฐานการคิดคำนวณที่ดีระดับหนึ่ง มีทักษะในการอธิบายเหตุผล วิเคราะห์อย่างมีวิจารณญาณ ช่างสังเกต มีความสามารถในการจินตนาการการมองเห็นทิศทางการเคลื่อนที่ของสิ่งที่เป็นนามธรรม ที่สำคัญมีความอดทนอดกลั้นและจิตใจต้องมั่นคงเพราะเนื้อหาโดยรวมที่ซับซ้อนและต้องใช้เวลาทำความเข้าใจค่อนข้างมาก
ข้อดีของสายวิทย์-คณิต คือ มีโอกาสเลือกสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้หลายคณะมากกว่าสายศิลป์ โอกาสทำคะแนนสอบจากวิชาคณิตฯและวิทย์ ก็สูงกว่า ที่สำคัญคือเป็นผู้ที่ทนต่อภาวะความกดดันได้ดี ส่วนข้อเสียก็คือการเรียนที่หนักมาก GPA อาจไม่สวยนัก รวมถึงโอกาสทำกิจกรรมอาจน้อยกว่าเด็กศิลป์
เป้าหมายของเด็กวิทย์ – คณิต คือ กลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ (แพทย์) กลุ่มวิศวกรรมศาสตร์ และ กลุ่มวิทยาศาสตร์กายภาพ เป็นต้น โดยสามารถสอบเข้าคณะของเด็กแผนศิลป์ได้อีกด้วย
ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับเด็กศิลป์
มาต่อกันที่เด็กแผนศิลป์บ้างดีกว่า ซึ่งมีทางแยกค่อนข้างเยอะไม่ว่าจะเป็นสายศิลป์ – คำนวณ ซึ่งแน่นอนว่ายังต้องคงความ Strong ในวิชาคณิตศาสตร์อยู่ และยังต้องเก่งในวิชาภาษาอังกฤษด้วยนะ … ศิลป์ – ภาษา ที่ส่วนมากเลือกเรียนเพราะมีเป้าหมายค่อนข้างชัดเจนว่าอยากเก่งภาษาที่ 3 นั่นเอง และศิลป์ – สังคม ซึ่งตามชื่อเลยเน้นๆกับวิชาสังคมศาสตร์
คุณสมบัติสำคัญของเด็กแผนศิลป์ คือ ควรจะต้องมีความสามารถพื้นฐานด้านคณิตศาสตร์ แต่ที่สำคัญและควรทำให้โดดเด่นอย่างยิ่งคือด้านภาษาทั้งภาษาอังกฤษและภาษาที่ 3 เพราะเป็นสิ่งที่เราจะสามารถเหนือกว่าเด็กวิทย์ได้ 555 และขอแนะนำว่าต้องเป็นคนชอบคิดสร้างสรรค์ ทำกิจกรรมบ่อยๆ รวมทั้งสามารถเก็บเกี่ยวและเรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวได้
ข้อดีของเด็กแผนศิลป์ คือ ความโดดเด่นทางด้านภาษา โอกาสในการเก็บเกี่ยวบทเรียนและประสบการณ์จากการทำกิจกรรมต่างๆ และการทำเกรด ส่วนข้อเสียเปรียบคือ โอกาสในบางคณะ และ คะแนนสอบสนามสำคัญในวิชาคณิตศาสตร์ และ วิทยาศาสตร์ อาจเสียเปรียบเด็กวิทย์พอสมควร
เป้าหมายของเด็กศิลป์ คือ กลุ่มสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ กลุ่มศิลปกรรมศาสตร์ และกลุ่มบริหารธุรกิจ พาณิชยศาสตร์ เป็นต้น
