สรุปเนื้อหา เซต ม.4 เรียนอะไรบ้าง อ่านจบพร้อมลุยโจทย์

สรุปเข้ม เซต ม.4 ครบทุกหัวข้อสำคัญ พร้อมโจทย์และเฉลย

เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ คลิกเลย!

เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ คลิกเลย!

      น้อง ๆ รู้หรือไม่ว่า บทเรียนคณิตศาสตร์ ม.ปลาย นั้นสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบทเรียนที่เป็นรากฐานสำคัญที่ต้องนำไปประยุกต์ใช้ในบทเรียนและวิชาอื่น ๆ วันนี้ พี่ภูมิ – อ.สิทธิเดช เลนุกูล จะพามารู้จักกับบท “เซต” เนื้อหา ม.4 เทอม 1 บทเรียนแรกที่น้องใหม่ ม.ปลาย ทุกคนจะต้องเจอ และยังเป็นบทพื้นฐานสำคัญของการนำความรู้ไปใช้ในบทอื่น ๆ เช่น “ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน” หรือ “หลักการนับเบื้องต้น” ด้วย

      หากน้อง ๆ เข้าใจคอนเซปต์ของการเรียนบทนี้แล้ว การเรียนคณิตศาสตร์ ม.ปลาย ก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป หากพร้อมแล้วตามพี่ภูมิไปดูเนื้อหาบทเซต พร้อมโจทย์ตัวอย่างและเฉลยอย่างละเอียดกันได้เลยครับ!

เซต คืออะไร

เซต คืออะไร?

      เซต (Sets) เป็นคำอนิยาม ไม่สามารถให้นิยามกับเซตได้ แต่เราจะใช้เซตในการกล่าวถึงกลุ่มของสิ่งต่าง ๆ โดยที่จะต้องทราบแน่นอนว่าสิ่งใดอยู่ในกลุ่ม สิ่งใดไม่อยู่ในกลุ่ม โดยเราเรียกสิ่งที่อยู่ในเซตว่า สมาชิกของเซต (Element or Member) เช่น

  • เซตของชื่อวันในสัปดาห์ มีสมาชิก ได้แก่ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสบดี ศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์
  • เซตของจำนวนนับที่น้อยกว่า 5 มีสมาชิก ได้แก่ 1, 2, 3 และ 4 เป็นต้น

รูปแบบการเขียนเซต

      รูปแบบของการเขียนเซตนั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด โดยมีทั้งหมด 2 รูปแบบหลัก ๆ ที่จะได้เรียนกันในคณิตศาสตร์ระดับ ม.ปลาย นั่นคือ

1. การเขียนเซตแบบแจกแจงสมาชิก (Roaster Form)

      วิธีการเขียนเซตแบบแจกแจงสมาชิกเป็นที่นิยมมาก ในกรณีที่ต้องการแจกแจงสิ่งที่อยู่ในเซตออกมา โดยเขียนสมาชิกทุกตัวของเซตลงในวงเล็บปีกกาและใช้เครื่องหมายจุลภาค (,) คั่นระหว่างสมาชิกแต่ละตัว เช่น เซตของจำนวนนับที่น้อยกว่า 5 เขียนได้ว่า {1, 2, 3, 4} เป็นต้น

      โดยทั่วไปจะแทนเซตด้วยอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่ เช่น A เป็นเซตของจำนวนนับที่น้อยกว่า 5 จะได้ว่า A = {1, 2, 3, 4}  เป็นต้น

      นอกจากนี้น้อง ๆ สามารถใช้ สัญลักษณ์จุดสามจุด หรือ “…” (and so on) เพื่อแสดงถึงสมาชิกอื่น ๆ ในเซตได้อีกด้วย และสามารถใช้แทนเซตอนันต์ซึ่งจะมีความหมายว่ามีสมาชิกอื่น ๆ อีกจำนวนไม่สิ้นสุด เช่น

  • A เป็นเซตของพยัญชนะในภาษาไทย เขียนเซต A แบบแจกแจงสมาชิก ได้ดังนี้  A = {ก, ข, ฃ, … , อ, ฮ}
  • B เป็นเซตของจำนวนคู่ เขียนเซต B แบบแจกแจงสมาชิก ได้ดังนี้  B = {…, -6, -4, -2, 0, 2, 4, 6, …}

      **การเขียนเซตแบบแจกแจงสมาชิก ต้องเขียนสมาชิกแต่ละตัวเพียงครั้งเดียวเท่านั้น (ตัวซ้ำเขียนครั้งเดียวพอนะครับ)**

2. การเขียนเซตแบบบอกเงื่อนไข (Set Builder Form)

      วิธีการเขียนเซตแบบบอกเงื่อนไขนี้ สามารถใช้อธิบายคุณสมบัติของสมาชิกที่อยู่ในรูปตัวแปรได้อย่างดี เป็นวิธีการเขียนเซตโดยบอกเงื่อนไข หรือกำหนดคุณสมบัติของสมาชิกในเซตนั้น โดยเริ่มจากการกำหนดขอบเขตเฉพาะของสมาชิก (เอกภพสัมพัทธ์) จากนั้นใช้สัญลักษณ์ “ | ” แทนคำว่า “โดยที่” เพื่อคั่นระหว่างตัวแปรกับเงื่อนไข

ชื่อเซต = {ตัวแปรแทนสมาชิกภายในเซต | เงื่อนไขของตัวแปร}

      ยกตัวอย่างเช่น

  • A = {3, 6, 9} จะสามารถเขียนเซตแบบบอกเงื่อนไขได้เป็น
  • A = {x | x เป็นจำนวนนับระหว่าง 0 – 10 ที่หารด้วย 3 ลงตัว}

      น้อง ๆ สามารถอ่านได้อย่างง่ายว่า “เซต A เป็นเซตที่มี x เป็นสมาชิก โดยที่ x เป็นจำนวนนับระหว่าง 0 – 10 ที่หารด้วย 3 ลงตัว”

การเขียนเซตแบบบอกเงื่อนไข

      อ่านว่า “เซต B เป็นเซตที่มี x ที่เป็นจำนวนเต็มเป็นสมาชิก โดยที่ x นั้นเป็นจำนวนที่มีค่ามากกว่า \frac{1}{2} แต่น้อยกว่าเท่ากับ 2”

การเป็นสมาชิกของเซต

      กำหนดให้ A = {1, 2, 3, 4} จะเห็นว่า 1, 2, 3 และ 4 ต่างก็ “อยู่ใน” หรือ “เป็นสมาชิกของ” เซต A

     คำว่า “เป็นสมาชิกของ” หรือ “อยู่ใน” เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์  “∈” เช่น

  • กำหนดให้ A = {1, 2, 3, 4}
    จะได้ว่า  1 ∈ A, 2 ∈ A, 3 ∈ A  และ  4 ∈ A
    แต่ 5 ไม่เป็นสมาชิกของเซต A  ซึ่งคำว่า “ไม่เป็นสมาชิกของ” เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ “∉”
    ดังนั้นเขียนได้เป็น  5 ∉ A  นั่นเอง

ชนิดของเซต

1. เซตจำกัด

      เซตจำกัด หมายถึง เซตที่สามารถนับจำนวนสมาชิกได้ทั้งหมด หรือสามารถบอกได้ว่ามีจำนวนสมาชิกเท่าใด ซึ่งสามารถนับเป็นจำนวนเต็มบวกหรือศูนย์สมาชิกได้ โดยจำนวนสมาชิกของเซตจะเขียน n (เซตที่สนใจ) เช่น

  • A = {1, 2, 3} จะเห็นว่า เซต A มีสมาชิก 3 ตัว คือ 1, 2 และ 3 ดังนั้น n(A) = 3
  • B = {1, 2} จะเห็นว่า เซต B มีสมาชิก 2 ตัว คือ 1 และ 2 ดังนั้น n(B) = 2
  • C = {1, 2, 3, …, 100} จะเห็นว่า เซต C มีสมาชิก 100 ตัว คือ 1 – 100 ดังนั้น n(C) = 100

2. เซตว่าง

      เซตว่าง หมายถึง เซตที่ไม่มีสมาชิก หรือสามารถกล่าวได้ว่าเซตว่างมีสมาชิก 0 ตัว โดยเซตว่างจะใช้สัญลักษณ์ { } หรือ Ø (อ่านว่า phi) แสดงว่า n( { } ) = n(Ø) = 0 และเนื่องจากเราสามารถบอกได้ว่าเซตว่างมีสมาชิก 0 สมาชิก ดังนั้น “เซตว่าง” จึงจัดว่าเป็น “เซตจำกัด” นั่นเอง

3. เซตอนันต์

      เซตอนันต์ หมายถึง เซตที่มีจำนวนสมาชิกที่นับไม่ถ้วน หรือไม่สามารถที่จะระบุจำนวนสมาชิกในเซตนั้นได้ เช่น

  • A = {1, 2, 3, …} จะเห็นว่า เซต A มีสมาชิกมากมายนับไม่ถ้วน ไม่สามารถระบุได้ว่ามีจำนวนสมาชิกเป็นเท่าใด เซต A จึงเป็นเซตอนันต์
  • B = {1, \frac{1}{2}, \frac{1}{4}, …} จะเห็นว่า เซต B มีสมาชิกมากมายนับไม่ถ้วน ไม่สามารถระบุได้ว่ามีจำนวนสมาชิกเป็นเท่าใด เซต B จึงเป็นเซตอนันต์
สรุปเนื้อหา เซต - คณิตศาสตร์ ม.4 เทอม 2

เอกภพสัมพัทธ์

      เอกภพสัมพัทธ์ (Relative University) คือ เซตที่บ่งบอกถึงขอบเขตของสิ่งที่พิจารณา โดยทั่วไปนิยมใช้สัญลักษณ์ U แทนเอกภพสัมพัทธ์ และมีข้อตกลงว่า เมื่อกล่าวถึงสมาชิกของเซตใด ๆ จะไม่กล่าวถึงสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากสมาชิกในเอกภพสัมพัทธ์ เช่าน

  • กำหนดให้ U คือ เซตของจำนวนเต็มบวก และ A = {x | x2 = 4}
    ซึ่งจาก x2 = 4 จะได้ว่า x = 2 หรือ x = -2
    ซึ่ง 2 ∈ U แต่ -2 ∉ U แสดงว่า -2 ∉ A
    ดังนั้น A = {2}

      หมายเหตุ ถ้ากล่าวถึงเซตของจำนวน และไม่ได้กำหนดว่าเซตใดเป็นเอกภพสัมพัทธ์ ในระดับ ม.ปลาย ให้ถือว่าเอกภพสัมพัทธ์ คือ เซตของจำนวนจริง (ℝ)

เซตที่เท่ากัน

      เซต A และ เซต B เป็นเซตที่เท่ากัน (Equality of Sets) ก็ต่อเมื่อ สมาชิกทุกตัวของเซต A เป็นสมาชิกของเซต B และสมาชิกทุกตัวของเซต B เป็นสมาชิกของเซต A เราสามารถใช้สัญลักษณ์แทนการเท่ากันของเซต คือ A = B เช่น

  • A = {0, 1, 2, 3} และ B = {3, 2, 1, 0} จะเห็นว่าทั้งสองเซตมีสมาชิกเหมือนกันทุกตัว แม้ลำดับของสมาชิกจะต่างกัน แต่ก็ถือว่าทั้งสองเซตเป็นเซตเดียวกัน ดังนั้น A = B

      และสำหรับกรณีที่มี สมาชิกอย่างน้อยหนึ่งตัวของเซต A ที่ไม่ใช่สมาชิกของเซต B หรือมีสมาชิกอย่างน้อยหนึ่งตัวของเซต B ที่ไม่ใช่สมาชิกของเซต A จะกล่าวได้ว่า เซต A ไม่เท่ากับ เซต B เขียนแทนด้วย A ≠ B เช่น

  • A = {1, 2, 3} และ B = {2, 1} จะเห็นว่า 3 ∈ A แต่ 3 ∉ B ดังนั้น A ≠ B

เซตที่เทียบเท่ากัน

      เซต A และ เซต B จะเป็นเซตที่เทียบเท่ากัน (Equivalent Sets) ก็ต่อเมื่อ ทั้งสองเซตมีจำนวนสมาชิกเท่ากัน โดยสมาชิกภายในเซตทั้งสองไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน เช่น

  • A = {1, 2, 3, 4, 5} และ B = {A, E, I, O, U}
    จะเห็นว่า A ≠ B แต่ n(A) = 5 และ n(B) = 5 เหมือนกัน
    ดังนั้น เซต A เทียบเท่ากับ เซต B

  • A = { 1, 2, 3 } และ B = { รถไฟ, เครื่องบิน, เรือ }
    จะเห็นว่า A ≠ B แต่ n(A) = 3 และ n(B) = 3 เหมือนกัน
    ดังนั้น เซต A เทียบเท่ากับ เซต B

สับเซต (Subset)

      เซต A เป็นสับเซตของเซต B ก็ต่อเมื่อ สมาชิกทุกตัวของเซต A อยู่ในหรือเป็นสมาชิกของเซต B

      สามารถใช้สัญลักษณ์แทนการเป็นสับเซตได้ว่า A ⊂ B

      แต่หากมีสมาชิกบางตัวหรือย่างน้อยหนึ่งตัวของ A ไม่เป็นสมาชิกของ B จะทำให้ A ไม่เป็นสับเซตของ B สามารถใช้สัญลักษณ์แทนการไม่เป็นสับเซตได้ว่าได้ว่า A ⊄ B เช่น

  • A = {1, 2} และ B = {1, 2, 3, 4, 5}
    จะเห็นว่า A มีสมาชิก คือ 1 และ 2 ซึ่งทั้งสองจำนวนอยู่ใน B ด้วย ดังนั้น A ⊂ B
    แต่จะเห็นว่า 3 ∈ B แต่ 3 ∉ A ดังนั้น B ⊄ A นั่นเอง

      อยากให้น้องๆ ได้เห็นภาพตรงกันว่าหาก A เป็นสับเซตของ B แล้ว ไม่ได้หมายความว่า B จะเป็น สับเซตของ A

สับเซตที่เป็นไปได้ทั้งหมด

      สับเซตที่เป็นไปได้ทั้งหมดของเซต A คือ เซตทั้งหมดที่มีสมาชิกเป็นสมาชิกของเซต A เช่น

  • กำหนดให้ A = {1, 2, 3}
    สับเซตของ A ที่เป็นไปได้ทั้งหมด คือ ø, {1}, {2}, {3} ,{1, 2}, {1, 3}, {2, 3}, {1, 2, 3}

เพาเวอร์เซต (Power set)

      P(A) เป็นเซตที่มีสับเซตที่เป็นไปได้ทั้งหมดของเซต A เป็นสมาชิก หรือพูดง่าย ๆ ว่า P(A) คือ เซตของสับเซตทั้งหมดของเซต A เช่น

  • กำหนดให้ A = { 1, 2, 3 } มี n(A) = 3
    สับเซตของ A ที่เป็นไปได้ทั้งหมด คือ ø, {1}, {2}, {3} ,{1, 2}, {1, 3}, {2, 3}, {1, 2, 3}
    ดังนั้น P(A) = { ø, {1}, {2}, {3} ,{1, 2}, {1, 3}, {2, 3}, {1, 2, 3} } มีสมาชิกทั้งหมด 8 ตัว
    ซึ่งเท่ากับ 23 โดย 3 = n(A)

      แสดงว่าเราสามารถหาจำนวนสมาชิกของเพาเวอร์เซตได้ด้วยสูตร n(P(A)) = 2n(A) เมื่อ n(A) แทน จำนวนสมาชิกของเซต A

แผนภาพเวนน์-ออยเลอร์

      แผนภาพเวนน์-ออยเลอร์ (Venn-Euler diagram) คือ แผนภาพแสดงเซต เอาไว้ช่วยในการศึกษาเกี่ยวกับเซตให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ในปัจจุบันแบบเรียน สสวท. จะเรียกว่า แผนภาพเวนน์ (Venn diagram)

      โดยสามารถเขียนในรูปต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นวงกลม หรือวงรี แต่โดยปกติแล้วจะนิยมใช้รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าในการวาดแผนภาพ แทนเอกภพสัมพัทธ์ (U) และวาดวงรี หรือวงกลมภายในรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า แทนเซตที่เป็นสับเซตของเอกภพสัมพัทธ์

วิธีการเขียนแผนภาพเวนน์-ออยเลอร์

  1. น้อง ๆ สามารถเริ่มจากการวาดรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแทนเอกภพสัมพันธ์
  2. จากนั้นนำเซตต่าง ๆ ที่สนใจวาดไว้ในรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ดังภาพตัวอย่างด้านล่าง
แผนภาพเวนน์-ออยเลอร์

การดำเนินการระหว่างเซต

      การดำเนินการของเซต จะมี 4 แบบ ได้แก่

  1. ยูเนียน (Union)
  2. อินเตอร์เซกชัน (Intersection)
  3. ผลต่าง (Difference) หรือ ผลต่างระหว่างเซต (Difference of Sets)
  4. คอมพลีเมนท์ (Complement)

1. ยูเนียน (Union)

      เซต A ยูเนียนกับเซต B คือ เซตซึ่งประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นสมาชิกของเซต A หรือ เซต B หรือทั้งสองเซต สามารถเขียนแทนได้ด้วย A ∪ B

กล่าวคือ A ∪ B = {x | x ∈ A หรือ x ∈ B}

**ในทางคณิตศาสตร์ “หรือ” หมายถึง อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่าง**

      เขียนแผนภาพของ A ∪ B ได้ดังนี้

การดำเนินการระหว่างเซต แบบยูเนียน (Union)

2. อินเตอร์เซกชัน (Intersection)

      เซต A อินเตอร์เซกชันเซต B คือ เซตซึ่งประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นสมาชิกของเซต A และเซต B สามารถเขียนแทนได้ด้วย A ∩ B

กล่าวคือ A ∩ B = {x | x ∈ A และ x ∈ B }

      เขียนแผนภาพของ A ∩ B ได้ดังนี้

การดำเนินการระหว่างเซต แบบอินเตอร์เซกชัน (Intersection)

3. ผลต่างระหว่างเซต (Difference of Sets)

      ผลต่างระหว่างเชตของเซต A และ เซต B หมายถึง เซตที่มีสมาชิกอยู่ในเซต A แต่ไม่อยู่ในเซต B

      สามารถเขียนแทนได้ด้วย A – B

กล่าวคือ A – B = {x | x ∈ A และ x ∉ B}

      เขียนแผนภาพของ A – B ได้ดังนี้

การดำเนินการระหว่างเซต แบบผลต่างระหว่างเซต (Difference of Sets)

4. คอมพลีเมนต์ (Complement)

      กำหนดให้เซต A ใด ๆ อยู่ในเอกภพสัมพัทธ์ U แล้วคอมพลีเมนต์ของเซต A คือ เซตที่ประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นสมาชิกของ U แต่ไม่เป็นสมาชิกของ A สามารถเขียนแทนได้ด้วยสัญลักษณ์ A’ หรือ Ac

กล่าวคือ A’ = {x| x ∈ U และ x ∉ A}

      เขียนแผนภาพของ A’ ได้ดังนี้

การดำเนินการระหว่างเซต แบบคอมพลีเมนต์ (Complement)

ตัวอย่างโจทย์การดำเนินการระหว่างเซต

ตัวอย่างโจทย์การดำเนินการระหว่างเซต
เฉลยโจทย์การดำเนินการระหว่างเซต

สมบัติของการดำเนินการของเซต

      ให้ A, B และ C เป็นสับเซตของเอกภพสัมพัทธ์ U จะได้

  1. A \cup B = B \cup A
    A \cap B = B \cap A

  2. (A \cup B) \cup C = A \cup (B \cup C)
    (A \cap B) \cap C = A \cap (B \cap C)

  3. A \cup (B \cap C) = (A \cup B) \cap (A \cup C)
    A \cap (B \cup C) = (A \cap B) \cup (A \cap C)

  4. (A \cup B)' = A' \cap B'
    (A \cap B)' = A' \cup B'

  5. A - B = A \cap B'

  6. A' = \mathcal{U} - A

      จากสมบัติข้อ 2. (A \cup B) \cup C = A \cup (B \cup C) ทำให้สามารถเขียนแทน (A \cup B) \cup C และ A \cup (B \cup C) ด้วย A \cup B \cup C ได้โดยไม่มีความกำกวม

      และเนื่องจาก (A \cap B) \cap C = A \cap (B \cap C) ทำให้สามารถเขียนแทน (A \cap B) \cap C และ A \cap (B \cap C) ด้วย A \cap B \cap C

      หมายเหตุ จะไม่เขียน A \cup B \cap C เพราะโดยทั่วไป (A \cup B) \cap C \ne A \cup (B \cap C) ถ้าเป็นตัวดำเนินการต่างชนิดกัน จะต้องใส่วงเล็บเสมอ เพื่อบอกว่าต้องดำเนินการระหว่างเซตสองเซตใดก่อน

สูตรสำคัญสำหรับการแก้โจทย์ปัญหาเซต

สูตรสำหรับ 2 เซต

      n(A \cup B) = n(A) + n(B) - n(A \cap B)

สูตรสำคัญสำหรับการแก้โจทย์ปัญหาเซต ม.4 - สูตรสำหรับ 2 เซต

สูตรสำหรับ 3 เซต

      n(A \cup B \cup C) = n(A) + n(B) + n(C) - n(A \cap B) - n(A \cap C) - n(B \cap C) + n(A \cap B \cap C)

สูตรสำคัญสำหรับการแก้โจทย์ปัญหาเซต ม.4 - สูตรสำหรับ 3 เซต

สูตรสำคัญอื่น ๆ

  • n(A) = n(\cup) - n(A')

  • n(A - B) = n(A) - n(A \cap B)

  • n(A - B) = n(A \cup B) - n(B)

ฝึกทำโจทย์ "เซต" พร้อมเฉลย

โจทย์เซต ข้อที่ 1

โจทย์เซต ม.4 พร้อมเฉลย ข้อที่ 1

โจทย์เซต ข้อที่ 2

โจทย์เซต ม.4 พร้อมเฉลย ข้อที่ 2

โจทย์เซต ข้อที่ 3

โจทย์เซต ม.4 พร้อมเฉลย ข้อที่ 3 (โจทย์)
โจทย์เซต ม.4 พร้อมเฉลย ข้อที่ 3 (วิธีทำ)

ติวคณิตศาสตร์ ม.4 กับ WE BY THE BRAIN พร้อมพิชิตเกรด 4​ และสนามสอบเข้ามหาวิทยาลัย

      อย่างที่พี่ได้บอกไปว่า “เซต” เป็นบทเรียนสำคัญก่อนเข้าสู่เนื้อหาที่มีความเข้มข้นมากขึ้นในบทเรียนคณิตศาสตร์ ม.ปลาย หากน้อง ๆ เรียนบทนี้โดยเน้นทำความเข้าใจ ก็สามารถนำบทเรียนเซตไปประยุกต์ใช้ได้อย่างแน่นอน

      น้อง ๆ คนไหนได้อ่านบทความนี้แล้ว และต้องการเพิ่มความมั่นใจในการทำโจทย์มากขึ้น ทั้งสนามสอบในและนอกโรงเรียน สามารถ ติวคณิตศาสตร์ ม.4 เทอม 1 กับ WE BY THE BRAIN ได้เลย

สมัครคอร์สนี้ดียังไง?

✔ เนื้อหาตรงตามหลักสูตร สสวท. ครอบคลุมครบทั้ง 3 บท ได้แก่ เซต, ตรรกศาสตร์, ระบบจำนวนจริง

✔ สอนโดยพี่ ๆ ติวเตอร์มากประสบการณ์ ที่จะช่วยปูพื้นฐานให้อย่างละเอียด เข้าใจง่าย

✔ พาน้อง ๆ ฝึกทำโจทย์อย่างเข้มข้น ไล่ระดับตั้งแต่ง่าย ปานกลาง ไปจนถึงยาก ที่เป็นข้อสอบแข่งขันจากสนามสอบต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ

✔ สอนทำข้อสอบอัตนัยแบบแสดงวิธีทำเป็นขั้นตอน พร้อมเสริมเทคนิคลัด ช่วยให้ทำข้อสอบปรนัยได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

คอร์สนี้เหมาะกับใคร?

✔ น้อง ๆ ม.3 ที่กำลังจะขึ้น ม.4 และต้องการเตรียมตัวล่วงหน้า

✔ น้อง ๆ ม.4 ที่อยากเรียนควบคู่ไปกับที่โรงเรียน เพื่อเสริมความเข้าใจและคว้าเกรด 4 วิชาคณิตศาสตร์

✔ น้อง ๆ ที่เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ในระบบ TCAS วิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 A-Level

      ใครอยากเก่งคณิต อยากได้โจทย์และเทคนิคดี ๆ จาก พี่ ๆ ติวเตอร์ ทีมคณิตศาสตร์ รีบกดติดตามก่อนใครได้ที่ช่องทางด้านล่างนี้เลย!

Picture of อ.สิทธิเดช เลนุกูล (พี่ภูมิ)

อ.สิทธิเดช เลนุกูล (พี่ภูมิ)

มีความเชี่ยวชาญในการสอนโจทย์คณิตศาสตร์ระดับยาก
ที่คัดสรรจากสนามสอบชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ

บทความแนะนำ

Top
ทดลองเรียนทดลองเรียนโปรโมชันโปรโมชันรับคำแนะนำรับคำแนะนำ