สรุปทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับพหุนาม

สรุปเรื่องพหุนาม

พหุนาม เป็นบทเรียนสำคัญของวิชาคณิตศาสตร์ที่น้อง ๆ ทุกคนจะต้องเจอใน ม.ต้น อย่างเลี่ยงไม่ได้ และเนื้อหายังใช้ต่อเนื่องไปจนถึงระดับ ม.ปลาย ซึ่งนั่นหมายความว่าถ้าน้อง ๆ คนไหนที่มีพื้นฐานและความเข้าใจเกี่ยวกับพหุนามไม่ดีพอ ก็อาจจะทำให้เกิดความสับสนเมื่อต้องนำความรู้ไปใช้ต่อในบทถัด ๆ ไป จนอาจทำให้รู้สึกไม่สนุกกับการเรียนในบทเรียนนั้น ๆ ได้


ดังนั้นสำหรับบทความนี้จะพาน้อง ๆ มาทำความรู้จักและทำความเข้าใจพื้นฐานพหุนามว่ามีอะไรบ้างที่น้องต้องรู้ นิพจน์ คืออะไร? เอกนาม คืออะไร ? พหุนามคืออะไร ? พหุนามต่างกับเอกนามยังไง ? การบวก ลบ คูณ หาร ต้องทำยังไงบ้าง? น้อง ๆ คนไหนที่อยากศึกษาเพิ่มเติม ในบทความนี้ พี่ภูมิ WE BY THE BRAIN ได้สรุปทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับพหุนามมาไว้ให้แล้ว!

นิพจน์ คืออะไร

นิพจน์ (Expression) คือ การเขียนค่าคงที่ หรือตัวแปรในรูปการดำเนินการโดยใช้ เครื่องหมาย หรือสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ เช่น 3x, x + 5, 4x – 7y เป็นต้น

ความรู้เสริมในระดับชั้น ม.ต้น เราสามารถแยกนิพจน์ออกได้เป็น 2 ประเภท

  1. นิพจน์เลขคณิต (Numerical Expression) เป็นนิพจน์ที่ประกอบด้วยจำนวนที่เป็นค่าคงตัวเท่านั้น เช่น 5, -10, 12 + 8 เป็นต้น
  2. นิพจน์พีชคณิต (Algebraic Expression) เป็นนิพจน์ที่ประกอบไปด้วยค่าคงตัวและตัวแปร ซึ่งอยู่ในรูปการดำเนินการต่าง ๆ เช่น 3x + 5, 2x – 3y, xy เป็นต้น

เอกนาม คืออะไร

เอกนาม (Monomial) คือ นิพจน์ที่สามารถเขียนให้อยู่ในรูปการคูณของค่าคงตัว (Constanat) กับตัวแปรตั้งแต่หนึ่งตัวขึ้นไป และเลขชี้กำลังของตัวแปรแต่ละตัวเป็นศูนย์หรือจำนวนเต็มบวก

ตัวอย่างที่ 1
ตารางพหุนาม

สัมประสิทธ์ของเอกนาม

จากที่กล่าวมาจะเห็นว่า เอกนามจะประกอบด้วยสองส่วน คือ ส่วนที่เป็นค่าคงตัว และส่วนที่อยู่ในรูปของตัวแปรหรือการคูณกันของตัวแปร  เรียกส่วนที่เป็นค่าคงตัวว่า สัมประสิทธิ์ (Coefficient) ของเอกนาม

เช่น 2x มีสัมประสิทธิ์เป็น 2

     -xy3 มีสัมประสิทธิ์เป็น -1

     8 มีสัมประสิทธิ์เป็น 8

     3yx2z มีสัมประสิทธิ์เป็น 3

ดีกรีของเอกนาม

ดีกรี (Degree) ของเอกนาม คือ ผลบวกของเลขขี้กำลังของตัวแปรแต่ละตัวในเอกนามว่า

เช่น   2x   มีดีกรีเป็น 1 เพราะเลขชี้กำลังของ x คือ 1

         xy3 มีดีกรีเป็น 4 เพราะเลขชี้กำลังของ x คือ 1 และเลขชี้กำลังของ y คือ 3
               เมื่อนำมารวมกันจึงทำให้ ดีกรีของ xy3 = 4

         7    มีดีกรีเป็น 0 เพราะ สามารถเขียน 7 ให้อยู่ในรูป 7x0 (เรียกอีกอย่างว่า เอกนามค่าคงตัว)

เอกนามคล้าย

เอกนามสองเอกนามคล้ายกันก็ต่อเมื่อ

  1. เอกนามทั้งสองมีตัวแปรชุดเดียวกัน
  2. เลขชี้กำลังของตัวแปรตัวเดียวกันในแต่ละเอกนามเท่ากัน และ

สำหรับค่าคงตัวสองจำนวนใด ๆ ถือว่าเป็นเอกนามที่คล้ายกัน เช่น 2 กับ -365 เป็นเอกนามที่คล้ายกัน
เช่น

เปรียบเทียบพหุนาม

การบวกหรือลบกันของเอกนาม

ผลบวกหรือผลลบของเอกนามที่คล้ายกัน = (ผลบวกหรือลบสัมประสิทธิ์ของเอกนาม) x (ส่วนที่เป็นตัวแปร) เช่น

ตัวอย่างพหุนาม 2

และสำหรับการบวกหรือลบเอกนามที่ไม่คล้ายกัน ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่เป็นเอกนาม

การคูณหรือหารกันของเอกนาม

ในการหาผลคูณหรือผลหารระหว่างเอกนามกับเอกนามนั้น จะนำค่าคงตัวในแต่ละเอกนามมาคูณหรือหารกัน และนำตัวแปรในแต่ละเอกนามมาคูณหารกันโดยใช้สมบัติเลขยกกำลัง เช่น

ตัวอย่างพหุนาม 3

เมื่อได้ผลหารเป็นเอกนาม จะกล่าวว่าการหารนั้นเป็นการหารลงตัว

พหุนามคืออะไร

พหุนาม (Polynomial) คือ นิพจน์ที่อยู่ในรูปเอกนาม หรือเขียนอยู่ในรูปการบวกกันของเอกนามตั้งแต่สองเอกนามขึ้นไปได้

เช่น 1                           เป็นเอกนาม (และเป็นพหุนามด้วย)

      8x                          เป็นเอกนาม (และเป็นพหุนามด้วย)

      x2 – 4                      เป็นพหุนาม

      x2 – 2x + 1              เป็นพหุนาม

      4x3y – 10x2 – y        เป็นพหุนาม

      x3 + 3x2 + 3x + 1   เป็นพหุนาม

เพื่อความสะดวก เราจะเรียกเอกนามที่ปรากฎในพหุนามว่า พจน์ (Term) และในกรณีที่พหุนามนั้นมีเอกนามคล้ายกัน เราจะเรียกเอกนามที่คล้ายกันว่า พจน์ที่คล้ายกัน (Like terms)

เช่น     -4x3 – 3x2 + 2x + 5x3 เป็นพหุนามที่มีพจน์ คือ -4x3, -3x2, 2x และ 5x3
          โดยมี -4x3 และ 5x3 เป็นพจน์ที่คล้ายกัน
          จะได้ว่า -4x3 + 3x2 – 2x + 5x3
                     = 5x3 – 4x3 + 3x2 – 2x
                     = x3 + 3x2 – 2x

จะเห็นว่า พหุนามที่ได้เป็นพหุนามในรูปที่ไม่มีพจน์ที่คล้ายกันเลย ซึ่งเราจะเรียกพหุนามแบบนี้ว่า พหุนามในรูปผลสำเร็จ (Polynomial in the simplest form)

ดีกรีของพหุนาม

ดีกรีของพหุนาม คือ ดีกรีสูงสุดของพจน์ของพหุนามในรูปผลสำเร็จ

เช่น 1                                  เป็นพหุนาม ดีกรี 0

8x                                       เป็นพหุนาม ดีกรี 1

x2 – 4                                   เป็นพหุนาม ดีกรี 2 เพราะพจน์ x2 มีดีกรีเท่ากับ 2

                                           และพจน์ – 4 มีดีกรีเท่ากับ 0 ดังนั้น ดีกรีดีกรีสูงสุดของพจน์ของพหุนามในรูปผลสำเร็จ

                                           เท่ากับ 2 จึงได้ว่าเป็นพหุนาม ดีกรี 2

4x3y – 10x2 – y                   เป็นพหุนาม ดีกรี 4 เพราะพจน์ 4x3y มีดีกรีเท่ากับ 3+1 = 4

                                           พจน์ -10x2 มีดีกรีเท่ากับ 2 และพจน์ -y มีดีกรีเท่ากับ 1

                                           ดังนั้น ดีกรีดีกรีสูงสุดของพจน์ของพหุนามในรูปผลสำเร็จเท่ากับ 4

                                           จึงได้ว่าเป็นพหุนาม ดีกรี 4

พหุนามตรงข้าม

พหุนามตรงข้ามของพหุนามใดเท่ากับผลบวกของพจน์ตรงข้ามของแต่ละพจน์ของพหุนามนั้น

สรุปภาษาคน: พหุนามตรงข้าม คือ ลบของพหุนามเดิม

เช่น     พหุนามตรงข้ามของ 4x3y – 10x2 – y คือ -(4x3y – 10x2 – y)

          จะได้ว่า พหุนามตรงข้ามของ 4x3y – 10x2 – y คือ -4x3y + 10x2 + y

          พหุนามตรงข้ามของ x2 – 2x + 1 คือ -x2 + 2x – 1

การบวกหรือลบพหุนามทำยังไง

การหาผลบวกของพหุนาม ทำได้โดยนำพหุนามมาเขียนในรูปการบวก และถ้ามีพจน์ที่คล้ายกัน ให้บวกพจน์ที่คล้ายกันจนกลายเป็น พหุนามในรูปผลสำเร็จ

เช่น   (2x2 + x – 8) + (-8x2 – 3x + 6)

      = 2x2 + x – 8 – 8x2 – 3x + 6

      = -6x2 – 2x – 2

หรืออาจเขียนเป็นการบวกในแนวตั้งโดยให้พจน์คล้ายกันอยู่ตรงกันก็ได้

ตัวอย่างพหุนาม 4

และสำหรับการหาผลลบของพหุนาม ทำได้โดยนำพหุนามตัวตั้งมาบวกพหุนามตรงข้ามของพหุนามตัวลบจนกลายเป็น พหุนามในรูปผลสำเร็จ

เช่น (7x2 – 9x – 12) – (2x2 + x – 8) =(7x2 – 9x – 12) + [-(2x2 + x – 8)]

      = (7x2 – 9x – 12) + (-2x2 – x + 8)

      = 5x2 – 10x – 4

หรืออาจเขียนเป็นการลบในแนวตั้งโดยให้พจน์คล้ายกันอยู่ตรงกันก็ได้

ตัวอย่างพหุนาม 5

การคูณพหุนามด้วยพหุนามและการหารพหุนามด้วยเอกนาม

การหาผลคูณของพหุนามกับพหุนาม ทำได้โดยใช้สมบัติการแจกแจง โดยนำแต่ละพจน์ของพหุนามหนึ่งมาคูณกับทุก ๆ พจน์ของอีกพหุนามหนึ่ง แล้วนำผลคูณเหล่านั้นมาบวกกัน

เช่น    (-3x)(2x3 – x + 6)

         = (-3x)(2x3) – (-3x)(x) + (-3x)(6)

         = -6x4 + 3x2 – 18x

         (x + 4)(3x2 – x)

        = x(3x2) – x(x) + 4(3x2) – 4x

        = 3x3 – x2 + 12x2 – 4x

        = 3x3 + 11x2 – 4x

        (x + y)(x2 – xy + y2)

        = x(x2) – x(xy) + x(y2) + y(x2) – y(xy) + y(y2)

        = x3 – x2 y + xy2 + x2y – xy2 + y3

        = x3 + y3

การหารพหุนามด้วยเอกนาม ทำได้โดยใช้หลักเกณฑ์ของการบวกเศษส่วนและสมบัติของเลขยกกำลัง โดยจะหารแต่ละพจน์ของพหุนามด้วยเอกนาม แล้วนำผลหารเหล่านั้นมาบวกกัน เช่น

ตัวอย่างพหุนาม 9

ตัวอย่างพหุนาม 10

สรุปบทความ

พหุนาม เป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่มีความสำคัญในวิชาคณิตศาสตร์ในระดับชั้นมัธยมศึกษาดังนั้นการมีพื้นฐานที่ดีและเข้าใจพหุนามตั้งแต่ ม.ต้น จึงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้น้อง ๆ สามารถพัฒนาการเรียนรู้ ทำความเข้าใจและวิเคราะห์ข้อมูลในหลาย ๆ บทของวิชาคณิตศาสตร์ ที่จะมีความซับซ้อนมากขึ้นได้ในอนาคต

หากน้อง ๆ รู้สึกว่ามีบทเรียนไหนที่ยาก และยังมีความกังวลอยู่ สบายใจได้เลย เพราะการ ติวคณิตศาสตร์ ม.ต้น และ ติวคณิตศาสตร์ ม.3 จาก WE BY THE BRAIN จะช่วยปรับพื้นฐานให้น้อง ๆ พร้อมพาตะลุยทำโจทย์ และพิชิตเกรด 4 ให้เอง! สามารถมาเรียนที่ WE BY THE BRAIN ได้เลย พี่ ๆ ติวเตอร์ของเราพร้อมสอนความรู้เข้มข้น แชร์เทคนิคทำข้อสอบจัดเต็ม เรียนจบแล้ว พร้อมลุยทุกสนามสอบแน่นอน! 

อัปเดตข่าวสารและสอบถามรายละเอียด ติวคณิตศาสตร์ ม.ต้น จาก WE BY THE BRAIN ก่อนใครได้ที่ 

โรงเรียนกวดวิชา วี บาย เดอะเบรน เรียนสนุก เข้าใจง่าย ทำโจทย์ได้จริง!

บทความที่เกี่ยวข้อง

Top
สอบถามรายละเอียดได้ที่นี่ค่ะ