ครบ 2 ปีการศึกษาแล้ว ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ได้ปรับเปลี่ยนการสอบ 9 วิชาสามัญ และตัดวิชา PAT1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์, PAT2 ความถนัดทางวิทยาศาสตร์ และยก PAT7 ความถนัดทางภาษาต่างประเทศอื่น ๆ มารวมอยู่ในสนามสอบเดียวกันอย่าง “A-Level” เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการสอบหลายสนามสอบ ซึ่งเป็นหนึ่งในคะแนนสำคัญที่ใช้ในการสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยในระบบ TCAS
สำหรับ DEK68 ที่ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีการศึกษานี้ แต่ยังไม่รู้ว่า ข้อสอบ A-Level คืออะไร? มีวิชาอะไรบ้าง? ต้องสอบกี่วิชา? ใครบ้างที่ต้องสอบ? WE BY THE BRIAN จะพาน้อง ๆ ไปทำความเข้าใจกับสนามสอบ A-Level อย่างละเอียดเอง อ่านก่อน เตรียมพร้อมสอบก่อนใคร!
A-Level คืออะไร
การสอบ A-Level (Applied Knowledge Level) คือ การสอบวัดความรู้เชิงวิชาการที่ทาง ทปอ. กำหนดขอบเขตข้อสอบแล้วว่าจะไม่ออกเนื้อหาเกินจากหลักสูตรที่เรียนมาตั้งแต่ชั้น ม.4-ม.6 แน่นอน เป็นข้อสอบที่พัฒนามาจากข้อสอบวิชาสามัญเดิม โดยเนื้อหาจะอ้างอิงหลักสูตรแกนกลางของ สพฐ. เน้นวัดความรู้นำมาประยุกต์ใช้ในการสอบ มีจำนวน 10 วิชา และน้อง ๆ สามารถเลือกสอบสูงสุดได้ถึง 10 วิชา
อย่างไรก็ตาม จะมีวิชาภาษาต่างประเทศ ที่น้อง ๆ สามารถเลือกสอบได้แค่ภาษาเดียวเท่านั้น เนื่องจากมีการจัดเวลาตารางสอบตรงกัน
ข้อสอบ A-Level มีวิชาอะไรบ้าง?
รายชื่อวิชาที่เปิดสอบใน A-Level มีดังนี้
- คณิตศาสตร์ประยุกต์ 1
- คณิตศาสตร์ประยุกต์ 2
- วิทยาศาสตร์ประยุกต์
- ฟิสิกส์
- เคมี
- ชีววิทยา
- สังคมศาสตร์
- ภาษาไทย
- ภาษาอังกฤษ
- ภาษาต่างประเทศอื่น ๆ
- ภาษาฝรั่งเศส
- ภาษาเยอรมัน
- ภาษาญี่ปุ่น
- ภาษาเกาหลี
- ภาษาจีน
- ภาษาบาลี
- ภาษาสเปน
จะเห็นได้ว่า PAT7 ภาษาต่างประเทศอื่น ๆ ได้ถูกเอามารวมใน A-Level และได้ยกเลิกการสอบวิชาภาษาอาหรับออกไป เนื่องจากมีจำนวนผู้สอบน้อยมาก และใช้คะแนนไม่กี่สาขาเท่านั้นในปีที่ผ่านมา แต่อาจมีการจัดสอบจากสาขาวิชาเอกโดยตรงแทน
รูปแบบการสอบ A-Level สำหรับ DEK68 เป็นอย่างไร?
รูปแบบการสอบรายวิชา A-Level กำหนดสอบด้วยกระดาษเท่านั้น ส่วนค่าสมัครสอบ A-Level จะมีราคาวิชาละ 100 บาท โดยในการสอบปีการศึกษา 67 ทปอ. ได้ประกาศเลื่อนการเปิดสอบ A-Level ในรูปแบบสอบคอมพิวเตอร์ (CBT) ไปก่อน เนื่องจากมีความซับซ้อนด้านการแสดงหลากหลายภาษา แต่ในปีการศึกษา 2568 ยังไม่มีการประกาศแน่ชัด แนะนำให้น้อง ๆ ติดตามข้อมูลจาก ทปอ. อย่างสม่ำเสมอ
เปรียบเทียบการสอบวิชาสามัญ VS A-Level ต่างกันมากไหม?
แต่ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปเลยก็คือการนำ PAT7 ในส่วนของภาษาต่างประเทศอื่น ๆ เข้ามาไว้ในหมวด A-Level และได้ยกเลิกการสอบวิชาภาษาอาหรับออกไป เนื่องจากมีจำนวนผู้สอบน้อยมาก และใช้คะแนนไม่กี่สาขาเท่านั้นในปีที่ผ่านมา แต่อาจมีการจัดสอบจากสาขาวิชาเอกโดยตรงแทน
รูปแบบการสอบรายวิชา A-Level กำหนดสอบด้วยกระดาษเท่านั้น ส่วนค่าสมัครสอบ A-Level จะราคาวิชาละ 100 บาท แต่ปีหน้าถ้าระบบสอบด้วยคอมพิวเตอร์ได้ผลตอบรับที่ดี ก็อาจเปลี่ยนการสอบทั้งหมดเป็นการสอบด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ (CBT) แทนได้ค่ะ
เปรียบเทียบการสอบวิชาสามัญ VS A-Level ต่างกันมากไหม?
ไฮไลท์ของโครงสร้างข้อสอบ (Test Blueprint) เห็นได้ชัดเลยว่า โครงสร้างและตัวอย่างข้อสอบ A-Level เมื่อเทียบกับวิชาสามัญแล้ว มีการปรับลดจำนวนข้อลงในบางวิชาที่เน้นการคำนวณ หรือการคิดคำตอบลงไปมาก เพื่อให้ผู้เข้าสอบสามารถใช้เวลาวิเคราะห์ทำโจทย์แต่ละข้อมากขึ้น
ส่วนข้อสอบวิชาภาษาอังกฤษ ปีนี้ในหมวดทักษะการอ่าน (Reading Skill) จะเพิ่มในส่วน บทความโฆษณา, บทวิจารณ์สินค้าหรือบริการ, รายงานข่าว, บทความทั่วไป จำนวนถึง 40 ข้อ ที่น้อง ๆ ต้องทำในส่วนนี้ ซึ่งจะต้องบริหารเวลาการทำข้อสอบให้ดี เพราะมีคะแนนรวมของส่วนทักษะการอ่านถึง 50 คะแนนเลย เรียกได้ว่า ถ้าเตรียมตัวในส่วนนี้ดีก็ได้คะแนนในวิชาภาษาอังกฤษเกือบครึ่งเลย
และอย่างที่กล่าวไปในข้างต้นว่า การสอบ A-Level ทำขึ้นเพื่อลดความซ้ำซ้อนให้กับน้อง ๆ DEK68 จึงไม่ต้องไปสอบวิชาคณิตศาสตร์หลายสนาม เพราะวิชา PAT1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์ และ คณิต 1 วิชาสามัญ ได้ถูกรวมกันเป็น “วิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ 1” แล้ว
เนื้อหาในวิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 นั้น จะเน้นสอบความรู้คณิตศาสตร์พื้นฐานและคณิตศาสตร์เพิ่มเติม แนวข้อสอบถูกออกแบบมาให้ประยุกต์ใช้สูตรที่ซับซ้อน ต้องใช้ความคิดวิเคราะห์ในการแก้โจทย์มากกว่าปีก่อน ๆ น้อง ๆ คนไหนที่อยากเข้าคณะสายวิทย์ เช่น คณะวิศวกรรม, คณะวิทยาศาสตร์, คณะแพทยศาสตร์ หรือคณะอื่น ๆ ที่ต้องใช้คะแนนวิชานี้ยื่น พี่วีวี่แนะนำให้ติวข้อสอบ A-Level คณิต ตั้งแต่เนิ่น ๆ เลย เพราะเป็นข้อสอบแนว Speed Test ถ้าเตรียมตัวมาไม่ดี ทำข้อสอบไม่ทันแน่นอน!
และต่อมา “วิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ 2” ที่มาจากคณิต 2 วิชาสามัญ จะเน้นข้อสอบคณิตพื้นฐาน วัดความเข้าใจเบื้องต้น แนวโจทย์ไม่ซับซ้อนแต่ยังมีความประยุกต์อยู่
แล้วจะต้องสอบ A-Level วิชาไหนบ้าง? พี่วีวี่แนะนำให้น้องดูเกณฑ์คะแนน สัดส่วนที่แต่ละคณะ / สาขากำหนดให้ดี แล้วสมัครวิชาที่จำเป็นต้องใช้ดีกว่า จะได้ประหยัดเงินค่าสมัคร มีเวลาไปเตรียมตัวฟิตวิชาอื่นอีกด้วย
โครงสร้างข้อสอบ A-Level แต่ละวิชาเป็นอย่างไร?
ในปัจจุบันยังไม่มีการประกาศโครงสร้างของสอบ A-Level ของ TCAS68 จาก ทปอ. แต่น้อง ๆ สามารถอ้างอิงได้จากปีการศึกษาที่แล้ว เนื่องจากแต่ละปีจะมีการเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก โดยโครงสร้างข้อสอบรายวิชา A-Level TCAS 67 มีรายละเอียดดังนี้
A-Level 61 Math1 วิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ 1
- มีทั้งหมด 30 ข้อ 100 คะแนน
- ปรนัย 5 ตัวเลือก 25 ข้อ รวมทั้งหมด 75 คะแนน
- ระบายคำตอบที่เป็นตัวเลข 5 ข้อ รวมทั้งหมด 25 คะแนน
- ระยะเวลาที่ใช้สอบ 90 นาที
A-Level 62 Math2 วิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ 2
- มีทั้งหมด 30 ข้อ 100 คะแนน
- ปรนัย 5 ตัวเลือก 25 ข้อ รวมทั้งหมด 75 คะแนน
- ระบายคำตอบที่เป็นตัวเลข 5 ข้อ รวมทั้งหมด 25 คะแนน
- ระยะเวลาที่ใช้สอบ 90 นาที
A-Level 63 Sci วิทยาศาสตร์ประยุกต์
- มีทั้งหมด 30 ข้อ 100 คะแนน
- ปรนัย 5 ตัวเลือก 26 ข้อ รวมทั้งหมด 83.2 คะแนน
- เลือกตอบเชิงซ้อน 4 ข้อ รวมทั้งหมด 16.8 คะแนน
- ระยะเวลาที่ใช้สอบ 90 นาที
- มีทั้งหมด 30 ข้อ 100 คะแนน
- ปรนัย 5 ตัวเลือก 25 ข้อ รวมทั้งหมด 75 คะแนน
- ระบายคำตอบที่เป็นตัวเลข 5 ข้อ รวมทั้งหมด 25 คะแนน
- ระยะเวลาที่ใช้สอบ 90 นาที
- มีทั้งหมด 35 ข้อ 100 คะแนน
- ปรนัย 5 ตัวเลือก 30 ข้อ รวมทั้งหมด 75 คะแนน
- ระบายคำตอบที่เป็นตัวเลข 5 ข้อ รวมทั้งหมด 25 คะแนน
- ระยะเวลาที่ใช้สอบ 90 นาที
- มีทั้งหมด 40 ข้อ 100 คะแนน
- ปรนัย 5 ตัวเลือก 35 ข้อ รวมทั้งหมด 84 คะแนน
- เลือกตอบเชิงซ้อน 5 ข้อ รวมทั้งหมด 16 คะแนน
- ระยะเวลาที่ใช้สอบ 90 นาที
A-Level 70 Soc สังคมศึกษา
- ประเภทข้อสอบ ปรนัย (5 ตัวเลือก) มีทั้งหมด 50 ข้อ รวม 100 คะแนน ได้แก่
- ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม 10 ข้อ
- หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรมและการดำเนินชีวิตในสังคม 10 ข้อ
- เศรษฐศาสตร์ 10 ข้อ
- ประวัติศาสตร์ 10 ข้อ
- ภูมิศาสตร์ 10 ข้อ
- ระยะเวลาที่ใช้สอบ 90 นาที
A-Level 81 Thai ภาษาไทย
- ประเภทข้อสอบ ปรนัย (5 ตัวเลือก) มีทั้งหมด 50 ข้อ รวมทั้งหมด 100 คะแนน แบ่งเป็น 4 หมวดดังนี้
- การอ่าน
- การเขียน
- การพูด การฟัง
- หลักการใช้ภาษา
- ระยะเวลาที่ใช้สอบ 90 นาที
A-Level 82 Eng ภาษาอังกฤษ
- ประเภทข้อสอบ ปรนัย (4 ตัวเลือก) มีทั้งหมด 80 ข้อ 100 คะแนน
- ทักษะการฟังและการพูด (Listening and Speaking Skills) 20 ข้อ รวม 25 คะแนน
- ทักษะการอ่าน (Reading Skill) 40 ข้อ รวม 50 คะแนน
- ทักษะการเขียน (Writing Skill) 20 ข้อ รวม 25 คะแนน
- ระยะเวลาที่ใช้สอบ 90 นาที
A-Level 83 Fre ภาษาฝรั่งเศส
- ประเภทข้อสอบ ปรนัย (4 ตัวเลือก) มีทั้งหมด 50 ข้อ 100 คะแนน ได้แก่
- ทักษะการสื่อสารทั่วไป 15 ข้อ แบ่งเป็น การใช้คำศัพท์และสำนวน 5 ข้อ และ การสื่อสารในสถานการณ์ชีวิตประจำวัน 10 ข้อ
- การใช้ไวยากรณ์พื้นฐาน 10 ข้อ
- ความสามารถในการอ่าน 15 ข้อ
- ความสามารถในการเขียน 10 ข้อ
- ระยะเวลาที่ใช้สอบ 90 นาที
A-Level 84 Ger ภาษาเยอรมัน
- ประเภทข้อสอบ ปรนัย (4 ตัวเลือก) มีทั้งหมด 50 ข้อ 100 คะแนน ได้แก่
- ความสามารถในการเขียน 20 ข้อ
- การใช้ศัพท์และสำนวนภาษาเยอรมันในสถานการณ์ชีวิตประจำวัน 15 ข้อ
- การอ่านตัวบทภาษาเยอรมัน 15 ข้อ
- ระยะเวลาที่ใช้สอบ 90 นาที
A-Level 85 Jap ภาษาญี่ปุ่น
- ประเภทข้อสอบ ปรนัย (4 ตัวเลือก) มีทั้งหมด 50 ข้อ 100 คะแนน ได้แก่
- ความสามารถในการใช้ไวยากรณ์พื้นฐาน 10 ข้อ
- ความสามารถในการสื่อสาร 10 ข้อ
- ความสามารถในการเขียน 10 ข้อ
- ความสามารถในการอ่าน 20 ข้อ
- ระยะเวลาที่ใช้สอบ 90 นาที
A-Level 86 Kor ภาษาเกาหลี
- ประเภทข้อสอบ ปรนัย (4 ตัวเลือก) มีทั้งหมด 50 ข้อ 100 คะแนน ได้แก่
- ความสามารถในการใช้คำศัพท์และสำนวนในชีวิตประจำวัน 25 ข้อ
- ความสามารถในการอ่านและสังคมวัฒนธรรม 15 ข้อ
- ความสามารถในการใช้ไวยากรณ์ 10 ข้อ
- ระยะเวลาที่ใช้สอบ 90 นาที
A-Level 87 Chi ภาษาจีน
- ประเภทข้อสอบ ปรนัย (4 ตัวเลือก) มีทั้งหมด 50 ข้อ 100 คะแนน ได้แก่
- ความสามารถในการใช้คำศัพท์และสำนวนภาษาจีนในชีวิตประจำวัน 25 ข้อ
- ความสามารถในการอ่านและสังคมวัฒนธรรม 15 ข้อ
- ความสามารถในการใช้ไวยากรณ์ 10 ข้อ
- ระยะเวลาที่ใช้สอบ 90 นาที
A-Level 88 Bal ภาษาบาลี
- ประเภทข้อสอบ ปรนัย (4 ตัวเลือก) มีทั้งหมด 50 ข้อ 100 คะแนน ได้แก่
- ความสามารถในการใช้คำศัพท์และสำนวนภาษา 10 ข้อ
- ความสามารถในการอ่าน 15 ข้อ
- ความสามารถในการใช้ไวยากรณ์ 25 ข้อ
- ระยะเวลาที่ใช้สอบ 90 นาที
A-Level 89 Spn ภาษาสเปน
- ประเภทข้อสอบ ปรนัย (4 ตัวเลือก) มีทั้งหมด 50 ข้อ 100 คะแนน ได้แก่
- การใช้คำศัพท์และสำนวน และการสื่อสารในสถานการณ์ชีวิตประจำวัน 20 ข้อ
- ความสามารถในการเขียนและใช้ไวยากรณ์ 20 ข้อ
- ความสามารถในการอ่านและสังคมวัฒนธรรม 10 ข้อ
- ระยะเวลาที่ใช้สอบ 90 นาที
จะสังเกตได้ว่า ข้อสอบรายวิชา A-Level ส่วนใหญ่จะเป็นการเลือกแบบ ปรนัย 5 ตัวเลือก ให้ตัดสินใจเลือกคำตอบเหมือนเดิม ส่วนในรายวิชาคำนวณ ก็จะมีอัตนัย 5 ข้อใหญ่ และมีคะแนนเต็ม 100 คะแนนในทุกวิชา ดังนั้นจึงง่ายในการนำไปคำนวณเกณฑ์คะแนนใช้ยื่นเข้ามหาวิทยาลัยได้สะดวกมากขึ้น
สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่เป็นเรื่องดีเลยก็คือ บางรายวิชามีจำนวนข้อที่ลดลง เช่น เคมี วิชาสามัญเมื่อก่อนมีจำนวนข้อ 45 ข้อ แต่ใน A-Level เคมี ลดลงเหลือ 35 ข้อ ลดจำนวนข้อลงถึง 10 ข้อ และอีกหนึ่งวิชาที่ลดจำนวนข้อลงถึง 10 ข้อ คือวิชาชีววิทยา วิชาสามัญ 50 ข้อ เปลี่ยนเป็นวิชา A-Level ชีววิทยา 40 ข้อ
และวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไปวิชาสามัญ 32 ข้อ เปลี่ยนเป็นวิชาวิทยาศาสตร์ประยุกต์ลดเหลือ 30 ข้อ แต่มีอัตนัยเลือกตอบเชิงซ้อนเพิ่มขึ้น 4 ข้อ แต่จำนวนข้อที่หายไปอาจเพิ่มโอกาส ทำให้น้อง ๆ มีเวลาตัดสินใจ คิดคำนวณคำตอบให้รอบคอบก่อนกาลงกระดาษ เพิ่มคะแนนให้เข้าเป้ามากขึ้น สำหรับน้องที่เตรียมตัวเก็บเนื้อหาตาม Test Blueprint แต่เนิ่น ๆ
น้อง ๆ คนไหนที่อยากดู Test Blueprint โครงสร้างและตัวอย่างข้อสอบของ A-Level ในแต่ละรายวิชาอย่างละเอียด พร้อมตัวอย่างข้อสอบและเฉลย ก็สามารถอัปเดตข้อมูลได้เลยที่ https://www.mytcas.com/blueprint/
ใครออกข้อสอบ A-Level ในวิชาไหนบ้าง
ในทีมของผู้ออกข้อสอบปีนี้จะร่วมทีมจากหลากหลายมหาวิทยาลัย และร่วมถึงผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้นมาช่วยกันกำหนดพัฒนาข้อสอบในรูปแบบใหม่ในสนาม TCAS68 จะมีหน่วยงาน สสวท. ที่มีความรู้ทางด้านวิชาการมาออกข้อสอบวิชา ชีวะ, ฟิสิกส์ , คณิตศาสตร์ประยุกต์ 1, เคมี, คณิตศาสตร์ประยุกต์ 2, วิทยาศาสตร์ประยุกต์ เหมือนเดิม ตามวิชาสามัญปี65 ส่วนทางด้านภาษาต่างประเทศอื่น ๆ , ภาษาไทย และสังคมศาสตร์ จะเป็นของ มศว. มาช่วยดูแลข้อสอบในส่วนนี้ และสุดท้าย วิชาภาษาอังกฤษ จากปีก่อนเป็นทีม มศว. ปีนี้ก็จะเปลี่ยนเป็นทีมจาก มธ. เข้ามาดูแลในส่วนนี้แทน
ใครบ้างที่ต้องสอบวิชา A-Level
คะแนน A-Level มีความสำคัญมาก ๆ สำหรับน้อง ๆ เพราะจะต้องใช้คะแนน A-Level ในการยื่นคะแนนสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยในระบบ TCAS ถึง 3 รอบ ได้แก่ รอบ Quota, รอบ Admission และรอบ Direct Admission โดยเฉพาะ TCAS รอบ 3 ที่แต่ละมหาวิทยาลัยจะมีการเปิดจำนวนที่นั่งเยอะที่สุด เรียกได้ว่าถ้าวางแผนอ่านเกณฑ์ที่กำหนดครบ ทำคะแนน A-Level ให้ดีเกินเกณฑ์ ก็อาจมีตัวเลือกคณะ / สาขาในมหาวิทยาลัยที่ต้องการได้มากขึ้น สามารถใช้ผลคะแนนในการยื่นได้หลาย ๆ รอบอีกด้วย
สนามสอบ A-Level
การรับสมัครสอบ A-Level จะเปิดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปี 66 และจัดสอบช่วงเดือนมีนาคมปี 66 เพื่อที่จะน้อง ๆ เรียน เก็บเนื้อหาให้ครบตามหลักสูตรจนจบในห้องเรียน ก่อนลงสนามสอบ และจัดสอบโดยเลือกใช้โรงเรียนเป็นสนามสอบ น้อง ๆ สามารถเลือกสนามสอบเป็นโรงเรียนใกล้ ๆ บ้านได้ โดยตัดสินใจเลือกสนามสอบได้ในระบบไม่เกิน 5 แห่ง พี่วีวี่ขอแนะนำให้น้อง ๆ เรียงลำดับสนามตามความต้องการมากที่สุดไล่ลงมาให้ครบทั้ง 5 ที่เพราะระบบจะทำการสุ่มสนามสอบให้อัตโนมัติ ถ้าไม่วางแผนแต่เนิ่น ๆ อาจต้องเดินทางไกลกว่าจะไปถึงสนามสอบและอาจเข้าห้องสอบล่าช้าได้
ตัวอย่างแนวข้อสอบ A-Level พร้อมเฉลยแบบละเอียด
ตัวอย่างข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ 1
ตัวอย่างข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ 1
ตัวอย่างข้อสอบวิชาฟิสิกส์
ตัวอย่างข้อสอบวิชาเคมี
ตัวอย่างข้อสอบวิชาชีววิทยา
ตัวอย่างข้อสอบวิชาภาษาไทย
ตัวอย่างข้อสอบวิชาภาษาอังกฤษ
เตรียมพร้อมสอบ A-Level ที่ WE BY THE BRIAN พร้อมพิชิตคะแนนเต็ม!
ก็จบไปแล้วกับการแนะนำข้อสอบ A-Level ที่ DEK68 จะต้องเจอในสนามสอบเข้ามหาวิทยาลัยปีนี้ หวังว่าจะช่วยให้น้อง ๆ เข้าใจแนวทางในการสอบ A-Level แต่ละรายวิชามากขึ้น พี่วีวี่หวังว่าน้อง ๆ จะเตรียมตัวให้พร้อม ก่อนลงสนาม TCAS68 ที่จะถึงในเดือนมีนาคมปีหน้า เก็บเนื้อหาให้แม่นตาม Test Blueprint และขยันฝึกทำโจทย์เพิ่มความมั่นใจก่อนเจอข้อสอบจริง เพื่อที่จะได้สอบติดมหาวิทยาลัยที่ใฝ่ฝันได้!
สำหรับน้อง ๆ คนไหนที่อยากติวเข้ม A-Level สามารถสมัครเรียนคอร์สเตรียมสอบ A-Level กับ WE BY THE BRAIN ได้เลย มีครบทั้งวิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 คณิตศาสตร์ประยุกต์ 2 วิทยาศาสตร์ประยุกต์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษ พี่ ๆ ติวเตอร์เก็งข้อสอบอย่างตรงจุด สอนโดย WE TUTOR(S) ระดับประเทศ พร้อมแนวข้อสอบอัปเดตใหม่ถึงปีล่าสุด ให้น้อง ๆ มั่นใจพร้อมลงสนาม พลิกแพลงโจทย์ได้ทุกสถานการณ์ ไม่พลาดทุกคะแนนสำคัญในสนาม TCAS68 เปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้ รีบมาลงสมัครคอร์สเรียนได้ที่ WE BY THE BRAIN แล้วสอบติดไปด้วยกันนะคะน้อง ๆ
อัปเดตข่าวสารและสอบถามรายละเอียดคอร์สเตรียมสอบ A-Level จาก WE BY THE BRAIN ได้ที่
- WE CARE : 02-952-6767
- Line OA : @weplus_care
- Facebook Page : WE BY THE BRAIN
- Instagram : webythebrain
- Twitter : @WEBYTHEBRAIN
- Youtube : WE BY THE BRAIN