ใกล้จะเริ่มเข้าสู่เทศกาลสอบเข้ามหาวิทยาลัยของน้อง ๆ DEK68 แล้วนะคะ พี่วีวี่เชื่อว่า น้อง ๆ หลายคนก็คงเริ่มเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบกันแล้ว เพราะมีข้อสอบกลางหลายวิชาที่จะต้องเก็บให้ครบ ไม่ว่าจะเป็น A-Level, TPAT หรือ TGAT เพื่อนำไปใช้ยื่นสมัครเข้าระบบ TCAS68
แต่สำหรับน้อง ๆ คนไหนที่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี ไม่รู้ว่าจะต้องสอบวิชาอะไรบ้าง ในบทความนี้พี่วีวี่จะพาไปทำความรู้จักกับวิชาความถนัดทั่วไป (Thai General Aptitude Test) หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า “TGAT” หนึ่งในข้อสอบกลางที่ต้องใช้ยื่นสอบแทบทุกคณะ จะน่าสนใจแค่ไหน ตามไปดูกัน!
TGAT คืออะไร
TGAT คือ ข้อสอบวัดความถนัดทั่วไปที่ไม่ได้เน้นเนื้อหาความรู้เชิงวิชาการ แต่จะเน้นด้านการนำความรู้ที่มีไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและการทำงานจริง โดยจะมีทั้งหมด 3 ด้านด้วยกัน ได้แก่ การสื่อสารภาษาอังกฤษ (English Communication) การคิดอย่างมีเหตุผล (Critical & Logical Thinking) และสมรรถนะการทำงาน (Future Workforce Competencies)
โดยปกติแล้ว การสอบ TGAT จะมีค่าสมัครสอบรายวิชาละ 140 บาท น้อง ๆ สามารถเลือกสอบด้วยกระดาษ หรือสอบด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ตามความสมัครใจ และหลังจากที่สอบเสร็จและคะแนนสอบออกแล้ว หากต้องการยื่นคำร้องขอทบทวนผลคะแนนสอบ จะมีค่าธรรมเนียมอยู่ที่วิชาละ 100 บาท และสูงสุดไม่เกิน 300 บาทต่อคน
แต่ในปีนี้ไม่เหมือนเดิม! สำหรับน้อง ๆ ที่สมัครสอบ TGAT ในระบบ TCAS68 ทาง ทปอ. ได้มีการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการสมัครสอบรายวิชาในระบบ TCAS ส่งผลให้ในปีนี้ น้อง ๆ DEK68 ทุกคนสามารถสมัครสอบ TGAT ได้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายค่ะ
คะแนนสอบ TGAT อยู่ได้กี่ปี
คะแนนสอบ TGAT อยู่ได้แค่ 1 ปีเท่านั้น นั่นหมายความว่า น้อง ๆ ที่เป็นเด็กซิ่ว แล้วต้องการจะสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีการศึกษา 2568 จะต้องสมัครสอบใหม่ด้วยนั่นเอง
ความสำคัญของการสอบ TGAT
การสอบ TGAT มีความสำคัญมาก เพราะเป็น 1 ในคะแนนจากข้อสอบกลางที่น้อง ๆ ต้องใช้ในการสมัครเข้ามหาวิทยาลัยผ่านระบบ TCAS68 รวมกับข้อสอบ TPAT และ ข้อสอบ A-Level ที่สำคัญยังมีสัดส่วนคะแนนที่สูงด้วย
ข้อสอบ TGAT แต่ละวิชามีอะไรบ้าง ในปี 2568

เพื่อให้น้อง ๆ เห็นภาพการสอบ TGAT มากขึ้น พี่วีวี่จะพาไปดูรูปแบบการสอบ TGAT ของทั้ง 3 วิชาเอง โดยอ้างอิงข้อมูลจากโครงสร้างข้อสอบและตัวอย่างข้อสอบของ TCAS67 แต่ละวิชาจะมีความยากง่ายยังไง ตามไปดูกันเลย!
TGAT1 การสื่อสารภาษาอังกฤษ (English Communication)
TGAT1 การสื่อสารภาษาอังกฤษ จะเน้นไปที่การทดสอบความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารในชีวิตประจำวัน แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ การพูดและการอ่าน โดยจะเป็นข้อสอบปรนัย 4 ตัวเลือก มีทั้งหมด 60 ข้อ 100 คะแนน ใช้ระยะเวลาสอบทั้งหมด 60 นาที
1. ทักษะการพูด (Speaking Skill)
มีจำนวน 30 ข้อ 50 คะแนน มี 3 หัวข้อดังนี้
- การถาม–ตอบ (Question-Response) : มีทั้งหมด 10 ข้อ แบ่งระดับข้อสอบเป็น ง่าย 2 ข้อ, กลาง 6 ข้อ และยาก 2 ข้อ
- เติมบทสนทนาแบบสั้น (Short conversations) : จะมีบทสนทนาสั้น ๆ ให้อ่าน และมีข้อคำถามประมาณ 3-4 ข้อต่อบทสนทนา รวมทั้งหมด 10 ข้อ แบ่งระดับข้อสอบเป็น ง่าย 2 ข้อ, กลาง 6 ข้อ และยาก 2 ข้อ
- เติมบทสนทนาแบบยาว (Long conversations) : จะมีบทสนทนายาวให้อ่าน 2 บท และมีคำถาม 5 ข้อต่อบทสนทนา รวมทั้งหมด 10 ข้อ แบ่งระดับข้อสอบเป็น ง่าย 2 ข้อ, กลาง 6 ข้อ และยาก 2 ข้อ
2. ทักษะการอ่าน (Reading Skill)
จำนวน 30 ข้อ 50 คะแนน มี 3 หัวข้อดังนี้
- เติมข้อความในเนื้อเรื่องให้สมบูรณ์ (Text completion) : จำนวน 2 บทความ บทความละ 7-8 คำถาม รวมกันทั้งหมด 15 ข้อ และแบ่งระดับข้อสอบเป็นง่าย 3 ข้อ กลาง 9 ข้อ และยาก 3 ข้อ
- อ่านเพื่อจับใจความ (Reading comprehension) : จำนวน 3 บทความ เป็นบทความทั่วไปที่ใช้ในการสื่อสาร มีความยาวประมาณ 100 – 200 คำ แต่ละบทความมี 5 ข้อ รวมทั้งหมด 15 ข้อ แบ่งระดับข้อสอบเป็นง่าย 3 ข้อ กลาง 9 ข้อ และยาก 3 ข้อ
TGAT2 การคิดอย่างมีเหตุผล (Critical & Logical Thinking)
TGAT2 การคิดอย่างมีเหตุผล จะเน้นไปที่การทดสอบความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารด้วยเหตุผลและตรรกะ เพื่อดูว่าน้อง ๆ มีสมรรถนะการคิดอย่างมีเหตุผลหรือไม่ โดยจะเป็นข้อสอบปรนัย 5 ตัวเลือก มีทั้งหมด 80 ข้อ 100 คะแนน แบ่งเป็น 4 หัวข้อดังนี้
- ความสามารถทางภาษา 20 ข้อ
- ความสามารถทางตัวเลข 20 ข้อ
- ความสามารถทางมิติสัมพันธ์ 20 ข้อ
- ความสามารถทางเหตุผล 20 ข้อ
TGAT3 สมรรถนะการทำงาน (Future Workforce Competencies)
TGAT3 สมรรถนะการทำงาน เป็นอีกหนึ่งข้อสอบที่มีความยากไม่แพ้กัน ถ้าน้อง ๆ ไม่เตรียมตัวให้ดี ก็มีโอกาสสูงที่จะพลาดการเก็บคะแนนวิชานี้ เนื่องจากการตอบคำถามในข้อสอบ TGAT3 จะมีอยู่ 2 แบบ ได้แก่ การเลือกตอบตัวเลือกเดียว และเลือกตอบหลายตัวเลือก และทุกคำตอบจะมีคะแนนอยู่ระหว่าง 0-1 คะแนนด้วย
TGAT3 นั้น เป็นข้อสอบปรนัย 4 ตัวเลือก 60 ข้อ 100 คะแนน แบ่งเป็น 4 หัวข้อใหญ่ โดยแต่ละหัวข้อจะมีคำถาม 15 ข้อ มีรายละเอียดดังนี้
- การสร้างคุณค่าและนวัตกรรม
- การคิดเชิงวิเคราะห์ (Analytical thinking)
- การแก้ไขปัญหาอย่างมืออาชีพ (Professional problem solving)
- ความคิดเชิงนวัตกรรม (Innovative thinking)
- การแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน
- การระบุปัญหา (Identifying problems)
- การแสวงหาทางออก (Generating and selecting solutions)
- การนำทางออกไปแก้ปัญหา (Implementation)
- การประเมินทางออกเพื่อการพัฒนาปรับปรุง (Evaluation)
- การบริหารจัดการอารมณ์
- ความตระหนักรู้ตนเอง (Self awareness)
- การควบคุมอารมณ์และบุคลิกภาพ (Personality and emotional control)
- ความเข้าใจผู้อื่น (Interpersonal understanding)
- การเป็นพลเมืองที่มีส่วนร่วมของสังคม
- การมุ่งเน้นการบริการสังคม (Service orientation)
- จิตสำนึกและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental responsibility)
- การสร้างสรรค์เพื่อประโยชน์ของท้องถิ่น (Creating local benefits)
TGAT คะแนนใช้ทำอะไรได้บ้าง
สามารถใช้คะแนนสอบ TGAT ยื่นสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในระบบ TCAS68 ได้ทั้ง รอบที่ 1 Portfolio รอบที่ 2 Quota, รอบที่ 3 Admission และรอบที่ 4 Direct Admission ได้ (แต่น้อง ๆ อย่าลืมเช็กเกณฑ์การคัดเลือกของคณะ / มหาวิทยาลัยที่ตนเองอยากเข้าศึกษาต่อด้วยนะ เพราะแม้ว่าจะเป็นคณะเดียวกัน อาจกำหนดคะแนนที่ใช้ยื่นแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับทางมหาวิทยาลัยเป็นผู้กำหนด)
ตัวอย่างคณะยอดฮิต ที่ใช้คะแนน TGAT

แต่ละคณะ แต่ละมหาวิทยาลัย จะมีสัดส่วนคะแนนที่ใช้ในการพิจารณาแตกต่างกัน เพื่อให้น้อง ๆ เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น พี่วีวี่มีตัวอย่าง 5 คณะ / สาขายอดฮิตที่มียอดสมัครมากที่สุดใน TCAS67 ที่ใช้คะแนน TGAT พร้อมตัวอย่างสัดส่วนคะแนนในรอบที่ 3 Admission มาฝาก ตามไปดูกันเลย!
- ตัวอย่างสัดส่วนคะแนน หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ :
- ความถนัดทั่วไป (TGAT) 30%
- A-Level คณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 (พื้นฐาน+เพิ่มเติม) 10%
- A-Level เคมี 15%
- A-Level ชีววิทยา 25%
- A-Level ภาษาอังกฤษ 20%
- ตัวอย่างสัดส่วนคะแนน หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย :
- ความถนัดทั่วไป (TGAT) 40%
- A-Level คณิตศาสตร์ประยุกต์ 2 (พื้นฐาน) 60%
- ตัวอย่างสัดส่วนคะแนน หลักสูตรบัญชีบัณฑิต คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (วิทยาเขต บางเขน) :
- ความถนัดทั่วไป (TGAT) 40%
- A-Level คณิตศาสตร์ประยุกต์ 2 (พื้นฐาน) 30%
- A-Level ภาษาอังกฤษ 30%
- ตัวอย่างสัดส่วนคะแนน หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (เลือกสอบวิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ 2) :
- ความถนัดทั่วไป (TGAT) 20%
- A-Level คณิตศาสตร์ประยุกต์ 2 (พื้นฐาน) 20%
- A-Level สังคมศาสตร์ 20%
- A-Level ภาษาไทย 20%
- A-Level ภาษาอังกฤษ 20%
- ตัวอย่างสัดส่วนคะแนน หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ :
- การสื่อสารภาษาอังกฤษ (TGAT1) 30%
- A-Level สังคมศาสตร์ 10%
- A-Level ภาษาไทย 10%
- A-Level ภาษาอังกฤษ 50%
ปฏิทินการสอบ TGAT สำหรับ DEK68 (อัปเดตล่าสุด)
ปฏิทินการสอบ TGAT ใน TCAS68 มีกำหนดการสอบดังนี้
- รับสมัครสอบ TGAT : วันที่ 29 ตุลาคม – 5 พฤศจิกายน 2567
- สอบ TGAT : วันที่ 7 – 9 ธันวาคม 2567
- ประกาศผลสอบ TGAT (สอบด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์) : วันที่ 17 ธันวาคม 2567
- ขอทบทวนผลคะแนนสอบ TGAT (สอบด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์) : วันที่ 18 – 25 ธันวาคม 2567
- ประกาศผลสอบ TGAT (สอบด้วยกระดาษ) : วันที่ 7 มกราคม 2568
- ขอทบทวนผลคะแนนสอบ TGAT (สอบด้วยกระดาษ) : วันที่ 8 – 15 มกราคม 2568
เทคนิคพิชิต TGAT สำหรับ #DEK68
น้อง ๆ DEK68 ที่ต้องสอบ TGAT แล้วไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี พี่วีวี่มี 4 Steps พิชิต TGAT มาฝาก ลองนำไปปรับใช้ดูได้เลย รับรองว่าจะช่วยให้น้อง ๆ เก็บคะแนน TGAT ได้ดีขึ้นแน่นอน!
- รู้น้ำหนัก : ต้องรู้ว่าใช้คะแนน TGAT พาร์ตไหนบ้าง และใช้ค่าน้ำหนักเท่าไหร่ในการยื่นคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยในคณะที่ต้องการ จะได้เน้นฝึกทำโจทย์ได้ตรงจุด
- ต้องเห็นแนว : ต้องรู้แนวข้อสอบ โดยวิเคราะห์จากข้อสอบปีเก่า ๆ เมื่อเห็นแนวข้อสอบแล้ว เราจะสามารถเตรียมตัวได้ตรงจุด
- ฝึกฝน : ต้องฝึกทำโจทย์เยอะ ๆ หาโจทย์มาฝึกทำ เสริมประสบการณ์และเทคนิคการทำโจทย์ เพราะแต่ละพาร์ตของ TGAT จะใช้เทคนิคการทำโจทย์ไม่เหมือนกัน
- ประเมินตนและวางแผน : ต้องวางแผนการทำข้อสอบ ถนัดพาร์ตไหน ใช้เวลาแต่ละพาร์ตเท่าไหร่ จะทำพาร์ตไหนก่อนหลังถึงจะทำได้ทันเวลา โดยน้องสามารถวางแผนการทำข้อสอบได้จากการฝึกทำข้อสอบเป็นชุด ๆ และลองบริหารจัดการเวลาก่อนลงสนามสอบจริง
DEK68 พิชิต TGAT สอบติดคณะในฝันไปกับ WE BY THE BRAIN
จบกันไปแล้วกับการแนะนำข้อสอบ TGAT จะเห็นได้ว่า TGAT เป็นหนึ่งในข้อสอบกลางที่มีความยากไม่แพ้วิชาอื่น ๆ เลย ถ้าน้อง ๆ DEK68 เตรียมตัวมาไม่ดีพอ ก็อาจจะพลาดคะแนนส่วนนี้ได้ง่าย ๆ เลย รีบเช็กให้ชัวร์ว่า คณะที่อยากเข้าต้องสอบอะไรบ้าง มีสัดส่วนคะแนนเท่าไหร่ จะได้มีเวลาเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ต้องรีบอ่านตอนใกล้สอบ!

สำหรับใครที่อยากได้เทคนิคทริกลัดเพิ่มเติม ต้องการติวเข้มก่อนสอบ A-Level และ TGAT สามารถสมัครคอร์สติวเข้ามหาวิทยาลัย 68 กับ WE BY THE BRAIN ได้เลย พี่ ๆ ติวเตอร์ของเราพร้อมพาน้อง ๆ ไปตะลุยโจทย์ข้อสอบหลากหลายรูปแบบ เน้นสอนด้วยความเข้าใจ นำไปประยุกต์ใช้ได้จริง เรียนจบแล้วจะช่วยให้น้อง ๆ เก็บคะแนนสอบได้มากขึ้นอย่างแน่นอน!
อัปเดตข่าวสารและสอบถามรายละเอียดติวเข้ามหาวิทยาลัย 68 จาก WE BY THE BRAIN ได้ที่
- WE CARE : 02-952-6767
- Line OA : @weplus_care
- Facebook Page : WE BY THE BRAIN
- Instagram : webythebrain
- Twitter : @WEBYTHEBRAIN
- Youtube : WE BY THE BRAIN
โรงเรียนกวดวิชา วี บาย เดอะเบรน เรียนสนุก เข้าใจง่าย ทำโจทย์ได้จริง!