ตอบครบ! 6 เรื่องที่น้อง ๆ อยากรู้มากที่สุด เกี่ยวกับคณะแพทยศาสตร์

คณะแพทย์ศาสตร์

น้อง ๆ คนไหนที่มีความฝันอยากเป็นหมอ พี่วีวี่เชื่อว่าทุกคนคงศึกษาข้อมูลกันมาแล้วว่า จะต้องสอบวิชาอะไรบ้าง และต้องเตรียมตัวอย่างไร แต่เพื่อตอกย้ำความมั่นใจมากยิ่งขึ้น พี่วีวี่ได้รวม 6 เรื่องที่น้อง ๆ อยากรู้มากที่สุดเกี่ยวกับคณะแพทยศาสตร์ พร้อมคำตอบมาให้แล้ว อ่านจบแล้ว รับรองว่าจะช่วยให้น้อง ๆ เข้าใจการเรียนการสอนของคณะแพทยศาสตร์มากขึ้นแน่นอน!

1. คณะแพทยศาสตร์เรียนกี่ปี

เมื่อน้อง ๆ เข้าไปเรียนที่คณะแพทยศาสตร์แล้ว น้อง ๆ จะต้องเรียนทั้งหมด 6 ปี และไม่ได้เลือกสาขาวิชาค่ะ โดยทุก ๆ คนจะต้องเรียนเหมือนกันทั้งหมดเลย สำหรับน้อง ๆ ปี 1 – ปี 3 จะต้องเรียนรู้ทฤษฎีวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ก่อน ตั้งแต่ความผิดปกติของร่างกาย ลักษณะอาการของโรคต่าง ๆ และวิธีรักษาอย่างถูกต้อง 

เมื่อขึ้นปี 4 – ปี 6 ถึงจะต้องเข้าไปเรียนรู้และฝึกปฏิบัติงานจริงที่โรงพยาบาลต่าง ๆ จนจบ แล้วค่อยไปสอบใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม (NL) และใบประกอบวิชาชีพแพทย์ เพื่อนำมาใช้ในการทำงานที่โรงพยาบาล 

2. คณะแพทยศาสตร์มีกี่สาขา

น้อง ๆ จะสามารถเลือกสาขา หรือภาควิชาที่ตนเองสนใจได้ก็ต่อเมื่อเรียนจบ แพทยศาสตรบัณฑิต (พ.บ.) ก่อน ซึ่งจะมีให้เลือกหลายสาขาวิชามาก ยกตัวอย่างเช่น คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มีให้เลือกถึง 21 ภาควิชา ดังนี้

  1. กายวิภาคศาสตร์ (Anatomy)
  2. จิตเวชศาสตร์ (Psychiatry)
  3. จุลชีววิทยา (Microbiology)
  4. นิติเวชศาสตร์ (Forensic Medicine)
  5. ปรสิตวิทยา (Parasitology)
  6. พยาธิวิทยา (Pathology)
  7. เวชศาสตร์ป้องกันและสังคม (Preventive and Social Medicine)
  8. สรีรวิทยา (Physiology)
  9. กุมารเวชศาสตร์ (Pediatrics)
  10. จักษุวิทยา (Ophthalmology)
  11. ชีวเคมี (Biochemistry)
  12. เภสัชวิทยา (Pharmacology)
  13. รังสีวิทยา (Radiology)
  14. วิสัญญีวิทยา (Anesthesiology)
  15. เวชศาสตร์ชันสูตร(Laboratory Medicine)
  16. ศัลยศาสตร์ (Surgery)
  17. ออร์โธปิดิกส์ Orthopedics)
  18. เวชศาสตร์ฟื้นฟู (Rehabilitation Medicine)
  19. สูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา (Obstetrics and Gynecology)
  20. โสต ศอ นาสิกวิทยา (Otolaryngology)
  21. อายุรศาสตร์ (Medicine)

2. เกณฑ์รับสมัครคณะแพทยศาสตร์  ปีการศึกษา 2568

เกณฑ์รับสมัครคณะแพทยศาสตร์ ปีการศึกษา 2568

น้อง ๆ DEK68 ที่สนใจสมัครคณะแพทยศาสตร์ ปีการศึกษา 2568 จะต้องมีคุณสมบัติพื้นฐานตาม ประกาศกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย ดังนี้

  1. เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบสูง มีความละเอียดรอบคอบ ซื่อสัตย์สุจริต ที่สามารถแสดงให้เห็นได้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่ขั้นตอนการสมัครสอบ การสอบข้อเขียน การสัมภาษณ์ และตรวจสุขภาพ
  2. เป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายตามหลักสูตรหรือกำลังศึกษาชั้นปีสุดท้ายในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และคาดว่าจะจบการศึกษาก่อนเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2568
  3. เป็นผู้มีสัญชาติไทย ยกเว้น ผู้ที่สมัครเข้าศึกษาในสถาบันเอกชนที่เข้าร่วมกับ กสพท
  4. เป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะไปปฏิบัติงานในส่วนราชการหรือหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ ตามระเบียบของทางราชการ เรื่องการปฏิบัติงานชดใช้ทุน สำหรับผู้สมัครเข้าศึกษาในหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต หลักสูตรทันตแพทยศาสตรบัณฑิต หลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต ยกเว้นผู้ที่สมัครเข้าศึกษาในสถาบันเอกชน
  5. ในปีการศึกษา 2567 ไม่เป็นผู้ที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 1 ในมหาวิทยาลัย/ สถาบันการศึกษาของรัฐ ในหลักสูตร
    • แพทยศาสตรบัณฑิต สำหรับผู้ที่สมัครในหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต
    • ทันตแพทยศาสตรบัณฑิต สำหรับผู้ที่สมัครในหลักสูตรทันตแพทยศาสตรบัณฑิต
    • สัตวแพทยศาสตรบัณฑิต สำหรับผู้ที่สมัครในหลักสูตรสัตวแพทยศาสตรบัณฑิต
    • เภสัชศาสตรบัณฑิต สำหรับผู้ที่สมัครในหลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต ยกเว้น ได้รับการอนุมัติให้ลาออกจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยก่อนวันที่ 25 เมษายน 2568
  6. ไม่เป็นผู้ที่กำลังศึกษาสูงกว่าชั้นปีที่ 1* ในมหาวิทยาลัย/สถาบันการศึกษาของรัฐ ยกเว้น ผู้ที่ได้รับการอนุมัติให้ลาออกจากการศึกษา โดยได้รับการอนุมัติให้ลาออกจากมหาวิทยาลัยที่ศึกษาก่อนวันที่ 10 กันยายน 2567 และผู้ที่คาดว่าจะสำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษาในปีการศึกษา 2567
  7. ไม่เป็นผู้ที่ได้รับการคัดเลือกและยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษาในสถาบันที่เข้าร่วมการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาในระบบกลาง (TCAS) ปีการศึกษา 2568 (TCA568) ในรอบที่ 1 แฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) หรือในรอบที่ 2 โควตา (Quota)
  8. ไม่มีปัญหาสุขภาพทั้งด้านร่างกายและจิตใจที่จะเป็นอุปสรรคต่อการศึกษาและการประกอบวิชาชีพแพทย์ ทันตแพทย์ สัตวแพทย์ หรือเภสัชกร ตามแนวทางคุณสมบัติเฉพาะของผู้สมัครเข้าศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต หลักสูตรทันตแพทยศาสตรบัณฑิต หลักสูตรสัตวแพทยศาสตรบัณฑิต และหลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิตฑิต ของ กสพท (ดูรายละเอียดที่เว็บไซต์ https://cotmesadmission.com
  9. สำหรับวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกฎเกล้า ผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติเพิ่มเติมเพื่อเป็นนักเรียนแพทย์ทหารหรือ นักศึกษาแพทย์ ตามที่ทางวิทยาลัยฯ กำหนด (ดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.pcm.ac.th)

*ผู้ที่ศึกษาสูงกว่าชั้นปีที่ 1 หมายถึง ผู้ที่มีสถานภาพนิสิต/นักศึกษาสูงกว่าชั้นปีที่ 1 อันได้แก่ ผู้ที่ได้ลงทะเบียนในรายวิชาบังคับของชั้นปีที่สูงกว่าปีที่ 1 หรือผู้ที่มีสิทธิ์ลงทะเบียนในรายวิชาบังคับตั้งแต่ชั้นปีที่ 2 ขึ้นไปแม้จะได้ลาพัก/ได้รับอนุมัติให้ลาพักการศึกษาแล้ว

4. ค่าเทอมของคณะแพทยศาสตร์

ค่าเทอมของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรัฐบาล โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 20,000 – 40,000 บาท โดยน้อง ๆ สามารถดูรายละเอียดค่าเทอมที่แน่นอนได้ที่เว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยที่ตนเอาสนใจได้เลย เพราะค่าเทอมของแต่ละมหาวิทยาลัยจะไม่เท่ากันนั่นเองค่ะ

5. คะแนนสอบที่ต้องใช้ยื่นเข้าคณะแพทยศาสตร์

คะแนนสอบที่ต้องใช้ยื่นเข้าคณะแพทยศาสตร์

น้อง ๆ ที่ต้องการสมัครสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ TCAS รอบ 3 (รอบ Admission) จะต้องใช้คะแนนจากข้อสอบกลาง 2 ส่วน ดังนี้

1. TPAT1 กสพท (30%)

TPAT1 กสพท คือ ข้อสอบวัดความถนัดทางการแพทย์ เป็นข้อสอบวิชาเฉพาะของ กสพท โดยจะแบ่งเป็น 3 พาร์ต ได้แก่ เชาว์ปัญญา 100 คะแนน, จริยธรรมทางการแพทย์ 100 คะแนน และความคิดเชื่อมโยง 100 คะแนน ซึ่งน้อง ๆ จะต้องสอบพร้อมกันในวันเดียวเลย 

2. A-Level (70%)

A-Level (Applied Knowledge Level) คือ การสอบวัดความรู้เชิงวิชาการ ที่ทาง ทปอ. กำหนดขอบเขตข้อสอบไว้แล้วว่าเนื้อหาจะอ้างอิงหลักสูตรแกนกลางของ สพฐ. ไม่ออกเกินจากหลักสูตรที่เรียนมาตั้งแต่ชั้น ม.4 – ม.6 โดยจะมีทั้งหมด 10 วิชา 

แต่วิชาที่น้อง ๆ ที่อยากเข้าคณะแพทยศาสตร์ต้องสอบ จะมีอยู่ 7 วิชา ดังนี้

อย่างไรก็ตาม แต่ละมหาวิทยาลัยอาจมีการกำหนดเกณฑ์คัดเลือกและสัดส่วนคะแนนที่แตกต่างกัน พี่วีวี่แนะนำให้น้อง ๆ ศึกษาข้อมูลรายละเอียดการรับสมัครล่าสุดอีกครั้ง เพื่อที่จะได้วางแผนการติวหนังสือสอบให้เหมาะสมกับคณะและมหาวิทยาลัยที่ตนเองอยากเข้ามากที่สุด

6. มหาวิทยาลัยที่มีคณะแพทยศาสตร์

ข้อมูลจากเว็บไซต์แพทยสภา มีมหาวิทยาลัยและโรงเรียนที่ผลิตแพทย์ของรัฐบาลอยู่ 24 แห่ง ดังนี้

  1. คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
  2. คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  3. คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  4. คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
  5. คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
  6. คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
  7. วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า
  8. คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
  9. คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 
  10. คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช
  11. คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
  12. คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
  13. สำนักวิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
  14. วิทยาลัยแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี 
  15. คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
  16. สำนักวิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
  17. คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์
  18. คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา
  19. สำนักวิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
  20. คณะแพทยศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
  21. วิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
  22. คณะแพทยศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก
  23. คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
  24. วิทยาลัยแพทยศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

เตรียมสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์กับ WE BY THE BRAIN

จบกันไปแล้วกับ 6 เรื่องที่น้อง ๆ อยากรู้เกี่ยวกับคณะแพทยศาสตร์ พี่วีวี่หวังว่าข้อมูลที่นำมาฝากนี้จะเป็นประโยชน์ต่อน้อง ๆ DEK68 ทุกคนไม่มากก็น้อย และช่วยให้น้อง ๆ สามารถเตรียมตัวสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ได้ดียิ่งขึ้น!

สำหรับน้อง ๆ คนไหนที่อยากได้เทคนิคทริกลัดเพิ่มเติม ต้องการติวเข้มก่อนสอบ TGAT และ A-Level สามารถสมัครคอร์สติวเข้ามหาวิทยาลัย 68 กับ WE BY THE BRAIN ได้เลย พี่ ๆ ติวเตอร์ของเราพร้อมพาน้อง ๆ ไปตะลุยโจทย์ข้อสอบหลากหลายรูปแบบ เน้นสอนด้วยความเข้าใจ นำไปประยุกต์ใช้ได้จริง เรียนจบแล้วจะช่วยให้น้อง ๆ เก็บคะแนนสอบได้มากขึ้นอย่างแน่นอน!

อัปเดตข่าวสารและสอบถามรายละเอียดติวเข้ามหาวิทยาลัย 68 จาก WE BY THE BRAIN ได้ที่ 

โรงเรียนกวดวิชา วี บาย เดอะเบรน เรียนสนุก เข้าใจง่าย ทำโจทย์ได้จริง!

บทความที่เกี่ยวข้อง

Top
สอบถามรายละเอียดได้ที่นี่ค่ะ