เมื่อพูดถึงคณะแพทยศาสตร์ พี่วีวี่เชื่อว่าคงเป็นคณะในฝันของน้อง ๆ หลายคนที่อยากเป็นหมอ ซึ่งกว่าเราจะได้เข้าไปเรียนนั้นเรียกได้ว่า ต้องใช้ทั้งความขยันอย่างสม่ำเสมอ ความพยายาม และความอดทนในการเตรียมความพร้อมมากทีเดียว
นอกจากการเตรียมตัวในด้านเนื้อหาวิชาการแล้ว การวางแผนเรื่องระบบการรับแต่ละรอบใน TCAS ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน วันนี้พี่วีวี่เลยจะพาน้อง ๆ มาสำรวจเส้นทางการเข้าศึกษาในคณะแพทยศาสตร์ของระบบ TCAS เพื่อที่เราจะได้เตรียมตัวอย่างเหมาะสมนั่นเองค่ะ
ซึ่งพี่วีวี่ต้องบอกก่อนว่า การรับในแต่ละรอบของคณะแพทยศาสตร์นี้เป็นเพียงตัวอย่างจากการเปิดรับในระบบ TCAS 61 น้อง ๆ ม.ปลายสามารถดูเป็นแนวทาง แต่ก็ต้องติดตามประกาศกฎเกณฑ์ต่าง ๆ จากปีการศึกษาที่น้อง ๆ จะเข้าเรียนกันนะคะ เอาล่ะเพื่อให้ไม่เสียเวลาเรามาเริ่มที่รอบแรกกันเลยดีกว่า
ในรอบนี้จะแบ่งการรับออกเป็น 2 ครั้งย่อย คือ รอบที่ 1/1 และรอบที่ 1/2 โดยการรับสมัครและการคัดเลือกมหาวิทยาลัยจะเป็นผู้กำหนด สำหรับนักเรียนทั่วไป, นักเรียนที่มีความสามารถพิเศษ, นักเรียนโควตา, นักเรียนเครือข่าย ตัวอย่างคณะแพทยศาสตร์ที่เปิดรับในรอบนี้ เช่น
- คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี สาขาวิชาแพทยศาสตร์ ม.มหิดล
โครงการ Portfolio
- วุฒิการศึกษา : ม.6 หรือ เทียบเท่า ม.6
- แผนการศึกษา : วิทย์-คณิต
- GPAX : รายละเอียดตามที่ระบุด้านล่าง
– ระบบโรงเรียนปกติ เป็นผู้สำเร็จการศึกษา ม.ปลาย หรือ กำลังเรียนในชั้นปีสุดท้ายของม.ปลาย ซึ่งคาดว่าจะจบการศึกษาในปีการศึกษา 2560 และมีผลการศึกษาที่มีคะแนนสะสมเฉลี่ยตั้งแต่ชั้น ม. 4 จนถึงวันที่สมัคร ≥ 3.50 และมีคะแนนรายวิชาเฉลี่ยในชั้น ม.ปลาย ≥ 3.50 ใน 3 รายวิชา ได้แก่ (ก) เคมี (ข) ชีววิทยา และ (ค) คณิตศาสตร์ หรือ ฟิสิกส์
หรือ
– ระบบโรงเรียนนานาชาติ เป็นผู้สำเร็จการศึกษา หรือ กำลังศึกษาในชั้นปีสุดท้ายเทียบเท่าระดับชั้นม.ปลายของโรงเรียนนานาชาติทั้งในและต่างประเทศที่ได้รับการเทียบความรู้จากกลุ่มทะเบียนและสารสนเทศทางการศึกษา สำนักทดสอบทางการศึกษา (สทศ.) ซึ่งคาดว่าจะจบการศึกษาในปีการศึกษา 2560
และต้องมีเกรด หรือ ผลการสอบวุฒิที่เทียบความรู้เท่า ม.ปลาย ใน 3 รายวิชา ได้แก่ (ก) Biology (ข) Chemistry และ (ค) Mathematics หรือ Physics ตามเกณฑ์ต่อไปนี้
▪ ผลการสอบระดับ A level ทั้ง 3 รายวิชา แต่ละวิชาไม่ต่ำกว่า A
หรือ
▪ ผลการสอบ SAT II ทั้ง 3 รายวิชา (ก) Biology (ข) Chemistry และ (ค) Math level 2 หรือ Physics แต่ละวิชา ไม่ต่ำกว่า 700 คะแนน
หรือ
▪ ผลการสอบ International Baccalaureate (IB) Higher Level ทั้ง 3 รายวิชา แต่ละวิชาไม่ต่ำกว่า 6
- ค่าตรวจร่างกาย 1,500 บาท รวมค่าตรวจโรคตับอักเสบซี ภูมิคุ้มกันโรคตับอักเสบบี และโรคอีสุกอีใส (การเจาะเลือดไม่ต้องงดน้ำงดอาหารล่วงหน้า )
- คุณสมบัติเฉพาะ
– ต้องไม่เป็นผู้รับทุนของโครงการอื่น ๆ ที่มีภาระผูกพันการไปศึกษาต่อหรือปฏิบัติงาน
– เป็นผู้มีสัญชาติไทย และมีคุณสมบัติครบถ้วน ที่ก่อนเข้าศึกษาต้องสามารถทำสัญญาผูกพันฝ่ายเดียว หรือสัญญาปลายเปิดกับรัฐบาลที่กำหนด ให้ผู้รับทุนต้องปฏิบัติงานในส่วนราชการ หรือ หน่วยงานต่างๆ ของรัฐหลังสำเร็จการศึกษาเป็นระยะเวลา 3 ปี ตามระเบียบและเงื่อนไขที่กำหนด
– ต้องมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงและปราศจากโรค อาการของโรค หรือความพิการอันจะเป็นอุปสรรค ต่อการศึกษาการปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ตามประกาศกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย ฉบับ พ.ศ.2559 เรื่อง คุณสมบัติเฉพาะของผู้สมัครเข้าศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต
– ผ่านเกณฑ์การสอบภาษาอังกฤษดังต่อไปนี้ TOEFL แบบ IBT (Internet based test) ≥ 80 คะแนน หรือ IELTS (Academic modules) ≥ 6.5 ซึ่งสอบมาแล้วไม่เกิน 2 ปีนับถึงวันที่คณะฯ ปิดรับสมัคร
- เอกสารอื่น ๆ ที่ส่วนงานต้องการเพิ่มเติมนอกเหนือเอกสารประกอบการสมัคร (ต้องมีครบทุกข้อ)
– Portfolio ประกอบด้วย ข้อมูลส่วนตัว ผลงานด้านต่างๆ ได้แก่ ด้านงานวิจัย หรือ กิจกรรมด้านจิตอาสา หรือ กิจกรรมด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ
– หนังสือ Recommendationจากครูประจำชั้น หรือ ผู้อำนวยการโรงเรียน เขียนแนะนำว่า ผู้สมัครมีความเหมาะสมที่จะเป็นแพทย์เพราะอะไร ตามแบบฟอร์มที่คณะฯ กำหนด
– เรียงความ หัวข้อ ฉันเป็นใคร ความยาว 1 หน้ากระดาษ A4 เขียนโดยผู้สมัคร
– ผลคะแนนการสอบภาษาอังกฤษ ได้แก่ TOEFL แบบ IBT (Internet based test) ≥ 80 คะแนน หรือ ผลสอบภาษาอังกฤษ IELTS (Academic modules) ≥ 6.5 ซึ่งสอบมาแล้วไม่เกิน 2 ปี นับถึงวันที่คณะฯ ปิดรับสมัคร
– ผลการสอบ BMAT กรณีมีผลการสอบแล้ว ต้องเป็นผลสอบมาแล้วไม่เกิน 2 ปี นับถึงวันที่ปิดรับสมัครและให้ยื่นในช่วงที่รับสมัคร แต่สามารถยื่นผลการสอบปัจจุบัน ปี 2560 ได้ภายในเดือน พ.ย. 2561
เกณฑ์การตัดสิน
- Portfolio
- หนังสือ recommendation
- เรียงความ
- คะแนนสอบ BMAT
- สัมภาษณ์ แบบ Multiple Mini Interview (MMI)
รอบนี้เป็นรอบสำหรับนักเรียนที่อยู่ในเขตพื้นที่หรือภาค, โควตาโรงเรียนในเครือข่าย ,โครงการความสามารถพิเศษต่าง ๆ โดยการรับสมัครและการคัดเลือกมหาวิทยาลัยจะเป็นผู้กำหนด ตัวอย่างคณะแพทยศาสตร์ที่เปิดรับในรอบนี้ เช่น
- คณะแพทยศาสตร์ สาขาวิชาแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น
โครงการการรับโควตาพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
วิชาที่ใช้
วิชาสามัญ | ค่าน้ำหนัก |
(09) ภาษาไทย | 10 |
(19) สังคมศึกษา | 10 |
(29) อังกฤษ | 20 |
(39) คณิต 1 | 15 |
(49) ฟิสิกส์ | 15 |
(59) เคมี | 15 |
(69) ชีววิทยา | 15 |
รวม | 100 |
หมายเหตุ
– คะแนนวิชา 09, 19, 29, 49,59, 69 แต่ละวิชาต้องได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 30
– คะแนนวิชา 39 ไม่น้อยกว่าร้อยละ 25
– คะแนนรวมทุกวิชาไม่น้อยกว่าร้อยละ 50
เป็นรอบการรับสำหรับนักเรียนโครงการ กสพท, โครงการอื่น ๆ และนักเรียนทั่วไป โดย ทปอ.จะเป็นหน่วยกลางในการรับสมัคร ซึ่งน้อง ๆ สามารถเลือกสาขาวิชาในรอบนี้ได้ 4 สาขา แบบไม่มีลำดับ (ติดได้มากกว่า 1 สาขา) แต่น้องมีเพียง 1 สิทธ์ในการเลือกยืนยัน 1 สาขา เท่านั้นนะคะ
และหากน้อง ๆ เลือกโครงการ กสพท ด้วย จะสามารถเลือกสาขาย่อยภายใน กสพท ได้อีก 4 สาขา แบบมีลำดับ จากนั้น กสพท จะทำการ คัดเลือกแล้วส่งผลให้ระบบกลางเพียง 1 ลำดับเท่านั้น
ซึ่งโครงการ กสพท จะนับเป็น 1 สาขา ในระบบกลาง จาก 4 สาขา นั่นเองค่ะ เรามาลองดูตัวอย่างการเลือกคณะที่มี กสพท ร่วมด้วยใน TCAS 61 รอบ 3 เพื่อความเข้าใจที่มากขึ้นกันดีกว่า
หมายเหตุ
– สาขาวิชาที่อยู่ใน กสพท ทั้งหมดจะไม่สามารถเป็นตัวเลือกนอก กพสท
– กสพท จะส่งสาขาวิชาที่ได้กลับคืนให้ TCAS เพียง 1 ลําดับ
ตัวอย่างคณะแพทยศาสตร์ที่เปิดรับในรอบนี้ เช่น
- คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โครงการ กสพท.
เกณฑ์การคัดเลือก
น้ำหนักคะแนนที่ใช้ในการคัดเลือก | กลุ่มสาระวิชาที่ต้องสอบ | เงื่อนไข | |
วิชา | น้ำหนักคะแนน | ||
O-NET ม.6 0 % | วิทยาศาสตร์ | – | คะแนนรวมต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 |
คณิตศาสตร์ | – | ||
ภาษาอังกฤษ | – | ||
ภาษาไทย | – | ||
สังคมศึกษา | – | ||
วิชาสามัญ 70 % จัดสอบโดย สทศ. |
วิทยาศาสตร์ (ฟิสิกส์/ เคมี / ชีวิทยา) |
40 % | ต้องได้เท่ากับหรือมากกว่าร้อยละ 30 ของคะแนนเต็มในแต่ละกลุ่มสาระวิชา |
คณิตศาสตร์ 1 | 20 % | ||
ภาษาอังกฤษ | 20 % | ||
ภาษาไทย | 10 % | ||
สังคมศึกษา | 10 % | ||
วิชาเฉพาะ 30 % |
หมายเหตุ
* กำหนดคุณสมบัติทั่วไป และคุณสมบัติเฉพาะ
ในรอบนี้ทางทปอ. ได้มีการเพิ่มกลุ่มที่ 10 แพทยศาสตร์เข้ามาใน TCAS รอบที่ 4 โดยมีองค์ประกอบ คือ
กลุ่มที่ 10 แพทยศาสตร์ | |
องค์ประกอบ | กลุ่มวิชา |
O-NET (ใช้เป็นเกณฑ์พิจารณา) | * คะแนนรวม O-NET 5 กลุ่มสาระวิชา ไม่น้อยกว่า 60 % |
วิชาเฉพาะแพทย์ 30 % | |
วิชาสามัญ 7 วิชา 70 % (ต้องได้เท่ากับหรือมากกว่าร้อยละ 30 ของคะแนนเต็ม ในแต่ละกลุ่มสาระวิชา) |
|
แต่ตอนนี้ยังไม่มีการยืนยันมหาวิทยาลัยที่จะเปิดรับคณะแพทยศาสตร์ในรอบ 4 นี้นะคะ คงต้องติดตามกันต่อไป และน้อง ๆ สามารถดูองค์ประกอบและค่าร้อยละของแต่ละกลุ่มสาขาอื่น ๆ ในรอบแอดมิชชั่นได้ที่นี่ คลิก
รอบนี้มหาวิทยาลัยจะเปิดรับโดยตรงด้วยวิธีการของมหาวิทยาลัยเอง ตัวอย่างคณะแพทยศาสตร์ที่เปิดรับในรอบนี้ เช่น
- คณะแพทยศาสตร์ ม.เชียงใหม่
โครงการรับจากกระทรวงมหาดไทยตามนโยบายของ มช.
วิชาที่ใช้
วิชาสามัญ |
(09) ภาษาไทย |
(19) สังคมศึกษา |
(29) อังกฤษ |
(39) คณิตศาสตร์ 1 |
(49) ฟิสิกส์ |
(59) เคมี |
(69) ชีววิทยา |
หมายเหตุ
– วิชา 09, 19, 39, 49,59, 69 แต่ละวิชาต้องได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 30
– วิชา 29 ต้องได้ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 40
– คะแนนรวมต้องไม่น้อยกว่า 300 คะแนน
* กำหนดคุณสมบัติทั่วไป และคุณสมบัติเฉพาะ
นอกจากคณะแพทยศาสตร์ในมหาวิทยาลัยที่พี่วีวี่ยกตัวอย่างมาแล้ว ยังมีมหาวิทยาลัยอื่นที่เปิดรับในโครงการต่าง ๆ อีกมากนะคะ ซึ่งน้อง ๆ สามารถศึกษาข้อมูลการเปิดรับของคณะแพทยศาสตร์ในแต่ละรอบเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยที่น้อง ๆ สนใจได้เลยค่ะ
และที่สำคัญน้อง ๆ ต้องติดตามกประกาศ และอัปเดตข่าวสารในปีที่ตนเองต้องสอบอย่างสม่ำเสมอด้วย เพราะข้อมูลในบางส่วนอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ ขอให้น้อง ๆ ทุกคนโชคดีได้เข้าเรียนในคณะแพทยศาสตร์ที่ตนเองฝันไว้นะคะ ☺
ข้อมูลเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2561
เตรียมตัวหรือยังกับการเข้ามหาวิทยาลัยในระบบ TCAS ? เด็ก 62 จะวางแผนเรียนพิเศษอย่างไร ให้สู้ไหวติดตามได้ที่นี่ คลิกเลย
คอร์สเตรียมความพร้อมที่เหมาะกับน้อง ๆ ม.ปลายทุกคนที่สนใจ และกำลังเตรียมตัวสอบใน “วิชาเฉพาะ กสพท.” สอนโดยติวเตอร์ผู้เชียวชาญ และคุณหมอผู้มีประสบการณ์
คอร์สเตรียมความพร้อมที่เหมาะกับน้อง ๆ ม.ปลายทุกคนที่สนใจ และกำลังเตรียมตัวสอบใน วิชาเฉพาะ กสพท.สอนโดยติวเตอร์ผู้เชียวชาญ และคุณหมอผู้มีประสบการณ์
- คณิตศาสตร์ข้อสอบไม่ยากเท่า PAT1 แต่ส่วนมาก น้องๆ ทำข้อสอบไม่ทัน พี่กอล์ฟจึงหาแนวโจทย์ และเสริมเทคนิคที่จะช่วยให้น้อง ๆ ทำข้อสอบ PART นี้ได้รวดเร็วอย่างแน่นอน
- แนวข้อสอบเน้นเรื่องการอ่านจับใจความ พี่ยูจึงใช้เทคนิค 6 TRANSFORMERS ที่จะมาสรุปลักษณะของข้อความ ล้วงลึกถึงความสัมพันธ์ การันตีว่าคะแนนต้องเป็นของเรา!!
- เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงโดยพี่หมอปู เปิดมุมมองในการเป็นแพทย์ กระบวนการคิด และตัดสินใจอย่างมีวิจารณญาณ เพื่อให้น้องๆ มีความมั่นใจในการทำข้อสอบ PART นี้ได้ดียิ่งขึ้น