สวัสดีครับน้องๆ หลังจากที่ให้คำแนะนำและวิธีการเตรียมตัวสำหรับแอดมิชชั่นมาอย่างต่อเนื่อง จนมีน้องกลุ่มหนึ่งที่อายุ 15 หยกๆ 16 หย่อนๆ อาจจะเริ่มรู้สึกน้อยอกน้อยใจว่าทำไมถึงไม่มีข้อแนะนำมาฝากสำหรับน้องกลุ่มนี้บ้าง
ก่อนอื่นพี่ขอปรบมือให้กับน้องๆ ที่มีความคิดเสาะแสวงหาโอกาสเข้าศึกษาต่อในระดับ ม.ปลาย ซึ่งไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนหรือสถาบันอุดมศึกษาใดก็ตาม แต่การที่น้องในวัยนี้มีความกระตือรือร้นมองหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ก็ถือได้ว่านั่นเป็นก้าวแรกที่ยอดเยี่ยมของผู้ที่ประสบความสำเร็จในอนาคตแล้วครับ
ส่วนเรื่อง สอบเข้าเตรียมอุดมฯ หรือ โรงเรียนชั้นนำ… เรา(We) ทำได้
ก็คงต้องยอมรับว่าเตรียมอุดมฯคือสถานที่ในฝันของว่าที่เด็กม.ปลาย หลายคน ส่วนคำว่าโรงเรียนชั้นนำ อันนี้นานาจิตตังครับ เพราะทุกคนย่อมมีสิ่งที่ดีที่สุดเป็นตัวเลือกในใจ เหมือนการชอบดาราสักคนนั่นแหละ
โดยข้อแนะนำง่ายๆที่พี่จะมาแนะนำก็มีดังต่อไปนี้นะครับ
1. ตั้งเป้าหมายให้แน่วแน่…เป็นก้าวแรกที่สำคัญมากๆ จงอย่าโลเลกับเสียงนกเสียงกา หรือแรงกดดันจากกระแสสังคมนะครับ เพราะอนาคตของเราตัวเราต้องเป็นผู้กำหนด
2. ทำความรู้จักตนเอง… เช่น เรียนจบแล้วอยากทำงานหรืออาชีพอะไร เราชื่นชอบและถนัดวิชาการเรียนประเภทไหน องค์ประกอบเหล่านี้จะช่วยให้น้องรู้เส้นทางที่ต้องเดินต่อชัดเจนทันที
3. ติดตามข้อมูลและรายละเอียดการสอบ… เริ่มตั้งการสมัคร ชำระเงิน ไปจนถึงสัดส่วนของคะแนนที่จะใช้ เพราะจะช่วยให้น้องจัดลำดับความสำคัญในการอ่านหนังสือในแต่ละวิชาว่าควรหนัก-เบา ประมาณไหน เพราะในความเป็นจริงเราไม่สามารถทำได้ดีที่สุดในทุกวิชา
4. จัดตารางชีวิตเสียใหม่… ปรับและเปลี่ยนบางกิจกรรมที่ไม่จำเป็น และใส่คำว่า อ่านวิชา…แทรกลงไปแทน คิดเสียเวลาทุกๆ 10 นาที อาจกลายเป็น 1 คะแนนของน้องที่เพิ่มขึ้นก็ได้
5. หยุดคิดเข้าข้างตัวเอง… ได้แก่ เรื่องนี้คงไม่ออกหรอกมั้ง บทนี้จำได้แล้วไม่อ่านซ้ำดีกว่า ฯลฯ อะไรที่ไม่เข้าใจจดและหาจนกว่าจะรู้ อะไรที่จำได้ก็ยิ่งตอกย้ำให้ชัวร์ไปเลย หากยังมีเวลาเหลือพอสมควร
กวดวิชาช่วยได้… จริงๆครับ อย่ามองโลกในแง่ร้ายเกินไปถ้ายังไม่ได้ลอง การได้เข้าใจอย่างมีคุณภาพย่อมดีกว่าเชิงปริมาณแบบงงๆ อ่านหนังสือจบ 10 รอบแต่ไม่เข้าใจย่อมสู้รอบเดียวที่จับหลักไม่ได้ นอกจากนั้นรูปแบบการสอน วิธีการถ่ายทอด และบรรยากาศการเรียนที่เหมาะสมยังช่วยส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ในเชิงบวกต่อน้องๆ อีกด้วย
หวังว่าน้องๆคงจะได้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ และหวังว่า We by the brain จะกลายเป็นทางเลือกที่ช่วยผลักดันให้น้องๆ ได้เดินตามทางแห่งฝันของน้องๆ ต่อไปนะครับ