[TCAS 63] มาแล้ว! ระเบียบการรับสมัครคณะแพทย์ รามาฯ มหาวิทยาลัยมหิดล

ระเบียบการรับสมัครคณะแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี

สวัสดีค่ะน้อง ๆ
ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วนะคะสำหรับการเปิดรับสมัคร TCAS 63 รอบที่ 1 และรอบอื่นๆ เชื่อว่าน้องหลายคนคงกำลังเร่งทำPortfolio (แฟ้มสะสมผลงาน) สอบคะแนนภาษาอังกฤษ และอ่านหนังสือกันอยู่ วันนี้พี่วีวี่เลยมีระเบียบการรับสมัคร คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ในระบบ TCAS 63 มาฝากน้อง ๆ โดยในปี 63 รับรวมกันกว่า 180 ที่นั่ง และที่พิเศษสุด ๆ ปีนี้ คณะแพทย์ รามาฯ เปิดหลักสูตรใหม่ คือ หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต – วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต (วิศวกรรมชีวการแพทย์) เรียน 7 ปี ได้สองปริญญา !! ถ้าอยากรู้แล้วว่าเกณฑ์การรับเป็นอย่างไร ไปดูกันเลยจ้า

ปฏิทิน TCAS 63

ก่อนอื่น พี่วีวี่จะพาน้อง ๆ มาดูกำหนดการคัดเลือก 5 รอบ TCAS 63 ก่อนค่ะ ซึ่งคณะแพทย์ รามาฯ เปิดรับรอบ 1, 2 และ 3
กำหนดการคัดเลือก-5-รอบ-TCAS
กำหนดการสอบ TCAS63

TCAS 63 รอบ 1 Portfolio

คณะแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดรับสมัคร TCAS 63 รอบ 1 ด้วยกันทั้งหมดสองโครงการ ดังนี้

1.การรับด้วย Portfolio หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต

จำนวนที่รับ 30 คน

  • คุณสมับติด้านการศึกษา/ผลการสอบ (ข้อใดข้อหนึ่ง)
  1. มีผลการศึกษาที่มีคะแนนสะสมเฉลี่ยตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จนถึงวันที่สมัคร > 3.50 และมีคะแนนแต่ละรายวิชาเฉลี่ยในชั้นมัธยมปลายทั้ง 3 รายวิชา ได้แก่ (ก) ชีววิทยา (ข) เคมี และ (ค) คณิตศาสตร์ หรือ ฟิสิกส์ โดยแต่ละรายวิชา > 3.5 หรือ
  2. มีผลการสอบระดับ A level ทั้ง 3 รายวิชา ได้แก่ (ก) Biology (ข) Chemistry และ (ค) Mathematics หรือ Physics โดยแต่ละวิชา > A หรือ
  3. มีผลการสอบ SAT II ทั้ง 3 รายวิชา (ก) Biology: Molecular (ข) Chemistry และ (ค) Mathematics level 2 หรือ Physics โดยแต่ละวิชา > 700 คะแนน หรือ
  4. มีผลการสอบ International Baccalaureate (IB) Higher Level ทั้ง 3 รายวิชา ได้แก่ (ก) Biology (ข) Chemistry หรือ Physics โดยมี 2 รายวิชา ที่มีคะแนนแต่ละรายวิชา > 6 ร่วมกับ (ค) Mathematics – Standard level (not included Mathematics Studies) > 6 หรือ Mathematics-Higher level > 5

1.2  คุณสมับติเฉพาะ

  1. Portfolio เป็นส่วนสำคัญในการพิจารณาเรียกผู้สมัครมาสัมภาษณ์ ประกอบด้วย 5 ส่วน (พิมพ์ได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ) ดังนี้

(ก) Personal statement ที่อย่างน้อยควรอธิบาย

  • เหตุผลที่สมัครเรียนแพทย์
  • แรงจูงใจในการอยากเรียนแพทย์
  • จุดมุ่งหมายในชีวิต

(ข) กิจกรรม/ผลงานพร้อมรายละเอียด และหลักฐานของกิจกรรม/ผลงานต่างๆ
(ค) มีอาจารย์ที่รู้จักผู้สมัครเป็นอย่างดี จำนวน 2 ท่าน เขียนแนะนำผู้สมัครว่ามีความเหมาะสมที่จะเป็นแพทย์เพราะอะไร

  1. มีผลคะแนนการสอบภาษาอังกฤษ TOEFL แบบ IBT (Internet based test) > 80 คะแนน หรือ ผลสอบภาษาอังกฤษ IELTS (Academic modules) > 6.5 ซึ่งสอบมาแล้วไม่เกิน 2 ปี นับถึงวันที่คณะฯ ปิดรับสมัคร
  2. มีผลการสอบ Biomedical Admission Test (BMAT) ของการสอบในปี พ.ศ. 2561 -พ.ศ. 2562 ที่มีผลคะแนนขั้นต่ำรวมทั้ง 3 sessions > 12.0 และ session 3 (Quality of written English) > C

1.3 การสัมภาษณ์
ทำแบบประกอบการสัมภาษณ์ ตรวจร่างกาย และสัมภาษณ์ Multiple Mini Interviews (MMIs) ณ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ถนนพระราม 6 ราชเทวี กรุงเทพฯ หากผู้มีสิทธิ์ไม่มารายงานตัว ตามกำหนดของคณะฯ จะถือว่าสละสิทธิ์การคัดเลือกเข้าศึกษา
ทั้งนี้ เพื่อให้ได้นักศึกษาที่มีสุขภาพดี ทั้งทางกายและทางจิต มีวุฒิภาวะ มีทักษะการติดต่อสื่อสาร และมีความสามารถในการปรับตัวได้ดี การตัดสินให้สิทธิ์เข้าศึกษาของคณะกรรมการคัดเลือกฯ ถือว่าเป็นที่สิ้นสุด

2. การรับด้วย Portfolio : แพทยศาสตรบัณฑิต – วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต  (วิศวกรรมชีวการแพทย์ – เรียน 7 ปี)

จำนวนรับ 20 คน
2.1 คุณสมบัติด้านผลการศึกษา / ผลการสอบ (เพียงข้อใด ข้อหนึ่ง)

  1. มีผลการศึกษาที่มีคะแนนสะสมเฉลี่ยตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จนถึงวันที่สมัคร > 3.50 และมีคะแนนแต่ละรายวิชาเฉลี่ยในชั้นมัธยมปลายทั้ง 3 รายวิชา ได้แก่ (ก) ชีววิทยา (ข) เคมี และ (ค) คณิตศาสตร์ หรือ ฟิสิกส์ โดยแต่ละรายวิชา > 3.5 หรือ
  2. มีผลการสอบระดับ A level ทั้ง 3 รายวิชา ได้แก่ (ก) Biology (ข) Chemistry และ (ค) Mathematics หรือ Physics โดยแต่ละวิชา > A หรือ
  3. มีผลการสอบ SAT II ทั้ง 3 รายวิชา (ก) Biology: Molecular (ข) Chemistry และ (ค) Mathematics level 2 หรือ Physics โดยแต่ละวิชา > 700 คะแนน หรือ
  4. มีผลการสอบ International Baccalaureate (IB) Higher Level ทั้ง 3 รายวิชา ได้แก่

(ก) Biology (ข) Chemistry หรือ Physics โดยมี 2 รายวิชา ที่มีคะแนนแต่ละรายวิชา > 6 ร่วมกับ (ค) Mathematics – Standard level (not included Mathematics Studies) > 6 หรือ Mathematics-Higher level > 5
2.2 คุณสมบัติเฉพาะ

  1. Portfolio เป็นส่วนสำคัญในการพิจารณาเรียกผู้สมัครมาสัมภาษณ์ ประกอบด้วย 5 ส่วน (พิมพ์ได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ) ดังนี้

(ก) Personal statement การสมัคร พ.บ. – วศ.ม. (วิศวกรรมชีวการแพทย์) ที่อย่างน้อยควรอธิบาย

  • เหตุผลที่สมัครเรียนแพทย์ และ Biomedical Engineering
  • แรงจูงใจในการอยากเรียน
  • จุดมุ่งหมายในชีวิต

(ข) กิจกรรม/ผลงานพร้อมรายละเอียด และหลักฐานของกิจกรรม/ผลงานต่างๆ
(ค) มีอาจารย์ที่รู้จักท่านเป็นอย่างดี จำนวน 2 ท่าน เขียนแนะนำผู้สมัครว่ามีความเหมาะสมที่จะเป็นแพทย์ทาง Biomedical Engineering เพราะอะไร

  1. มีผลคะแนนการสอบภาษาอังกฤษ TOEFL แบบ IBT (Internet based test) > 80 คะแนน หรือ ผลสอบภาษาอังกฤษ IELTS (Academic modules) > 6.5 ซึ่งสอบมาแล้วไม่เกิน 2 ปี นับถึงวันที่คณะฯ ปิดรับสมัคร
  2. มีผลการสอบ Biomedical Admission Test (BMAT) ของการสอบในปี พ.ศ. 2561 -พ.ศ. 2562 ที่มีผลคะแนนขั้นต่ำรวมทั้ง 3 sessions > 12.0 และ session 3 (Quality of written English) > C

2.3 การสัมภาษณ์
ทำแบบประกอบการสัมภาษณ์ ตรวจร่างกาย และสัมภาษณ์ Multiple Mini Interviews (MMIs) ณ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ถนนพระราม6 ราชเทวี กรุงเทพฯ หากผู้มีสิทธิ์ไม่มารายงานตัว ตามกำหนดของคณะฯ จะถือว่าสละสิทธิ์การคัดเลือกเข้าศึกษา
ทั้งนี้ เพื่อให้ได้นักศึกษาที่มีสุขภาพดี ทั้งทางกายและทางจิต มีวุฒิภาวะ มีทักษะการติดต่อสื่อสาร และมีความสามารถในการปรับตัวได้ดี การตัดสินให้สิทธิ์เข้าศึกษาของคณะกรรมการคัดเลือกฯ ถือว่าเป็นที่สิ้นสุด
หมายเหตุ: คณะแพทย์ รามาฯ ระบุเกณฑ์ไว้ว่า ผู้ที่สนใจสมัครรอบที่ 1 ต้องเลือกสมัครเพียงโครงการเดียวเท่านั้น และไม่มีค่าธรรมเนียมการสมัคร

TCAS 63 รอบ 2 โควตา

คณะแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดรับสมัคร TCAS 63 รอบ 2 หนึ่งโครงการได้แก่
1.หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต โครงการทุนมหิดลวิทยาจารย์ รับ 1 คน
รออัปเดตข้อมูลที่นี่

TCAS 63 รอบ 3 กสพท

จำนวนรับ 129 คน
1. คุณสมบัติทั่วไป
ตามประกาศกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย ฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 เรื่อง หลักเกณฑ์การคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษา หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต หลักสูตรทันตแพทยศาสตรบัณฑิต หลักสูตรสัตวแพทยศาสตรบัณฑิต และหลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต ปีการศึกษา 2563
1.1 เป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายตามหลักสูตรหรือกำลังศึกษาชั้นปีสุดท้ายในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และคาดว่าจะจบการศึกษาก่อนเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2563
1.2 เป็นผู้มีสัญชาติไทย ยกเว้นผู้ที่สมัครเข้าศึกษาในสถาบันเอกชนที่เข้าร่วมกับ กสพท
1.3 เป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะไปปฏิบัติงานในส่วนราชการหรือหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ ตามระเบียบของทางราชการ เรื่องการปฏิบัติงานชดใช้ทุน สำหรับผู้สมัครเข้าศึกษาในหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต
1.4 ไม่เป็นผู้ที่กำลังศึกษาในมหาวิทยาลัย/ สถาบันการศึกษาของรัฐ เว้นแต่ได้รับการอนุมัติให้ลาออกจากการศึกษาจากมหาวิทยาลัยก่อนวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2563
1.5 ไม่เป็นผู้ที่กำลังศึกษาเกินชั้นปีที่ 1 ในมหาวิทยาลัย/สถาบันการศึกษาของรัฐ ยกเว้น ผู้ที่ได้รับการอนุมัติให้ลาออกจากการศึกษา โดยได้รับการอนุมัติให้ลาออกจากมหาวิทยาลัยที่ศึกษาก่อนวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2562 และผู้ที่คาดว่าจะจบการศึกษาระดับอุดมศึกษาในปีการศึกษา 2562
1.6 ไม่เป็นผู้ที่ได้รับการคัดเลือกและยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษาในสถาบันที่เข้าร่วมการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาในระบบกลาง (TCAS) ปีการศึกษา 2563 (TCAS63) ในรอบที่ 1 แฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) หรือในรอบที่ 2 โควตา (Quata)
1.7 ไม่มีปัญหาสุขภาพทั้งด้านร่างกายและจิตใจที่จะเป็นอุปสรรคต่อการศึกษาและการประกอบวิชาชีพแพทย์หรือทันตแพทย์หรือสัตวแพทย์หรือเภสัชกร ตามแนวทางคุณสมบัติเฉพาะของผู้สมัครเข้าเรียนหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต หลักสูตรทันตแพทยศาสตรบัณฑิต หลักสูตรสัตวแพทยศาสตรบัณฑิต และหลักสูตรเภสัช ศาสตรบัณฑิต ของ กสพท (ดูรายละเอียดในเว็บไซต์ www9.si.mahidol.ac.th)
2. เกณฑ์การคัดเลือกเข้าศึกษา ใช้สัดส่วนคะแนน กสพท.

  1. วิชาเฉพาะ กสพทหรือ วิชาความถนัดแพทย์

ใช้เป็นสัดส่วนน้ำหนักคะแนน 30%

  1. วิชาสามัญ มีสัดส่วนน้ำหนักคะแนน 70% ได้แก่

โดยมีเงื่อนไขว่าแต่ละกลุ่มสาระวิชาจะต้องมีคะแนนมากกว่าหรือเท่ากับ ร้อยละ 30 ของคะแนนเต็ม

  1. O-NET ม.6

น้องจะต้องทำคะแนนรวม O-NET 5 วิชา (วิทย์-คณิต-อังกฤษ-ไทย-สังคม) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 จึงจะผ่านเกณฑ์ ดังนั้นการสอบสนามนี้จึงมีความสำคัญเช่นกัน

3.การสัมภาษณ์
เมื่อน้องผ่านการยื่นคะแนนรอบ 3 แล้ว ต้องสอบสัมภาษณ์ต่อ โดยสิ่งที่ต้องทำในรอบนี้คือ ทำแบบประกอบการสัมภาษณ์ ตรวจร่างกาย และสัมภาษณ์ ณ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี หากผู้มีสิทธิ์ไม่มารายงานตัว ตามกำหนดของคณะฯ จะถือว่าสละสิทธิ์การคัดเลือกเข้าศึกษา ทั้งนี้ เพื่อให้ได้นักศึกษาที่มีสุขภาพดี ทั้งทางกายและทางจิต มีวุฒิภาวะ มีทักษะการติดต่อสื่อสาร และมีความสามารถในการปรับตัวได้ดี การตัดสินให้สิทธิ์เข้าศึกษาของคณะกรรมการคัดเลือกฯ ถือว่าเป็นที่สิ้นสุด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่

บทความที่เกี่ยวข้อง

Top
สอบถามรายละเอียดได้ที่นี่ค่ะ