คณะยอดฮิตที่เป็นความใฝ่ฝันของน้อง ๆ หลายคน แต่ละปีมีอัตราการแข่งขันสูงสุด ๆ เป็นคณะที่ใครหลาย ๆ คนอยากจะสอบติด คณะที่ว่านี้คงหนีไม่พ้น คณะวิศวกรรมศาสตร์ เพราะด้วยที่น้อง ๆ หลายคนอาจจะชื่นชอบสายงานในด้านนี้ หรืออาจจะรู้สึกว่าเป็นคณะที่เมื่อสอบติดและเรียนจบแล้วจะสามารถเลี้ยงชีพเราได้แน่ ๆ ดังนั้นเพื่อให้น้อง ๆ ก้าวไปถึงยังจุดหมาย สอบติดได้อย่างที่น้องต้องการ วันนี้พี่วีวี่จะพาน้อง ๆ ทุกคนมาทำความรู้จักกับคณะนี้ และเสริมเทคนิคการเตรียมตัวยังไงให้ Success สอบติดได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ ถ้าพร้อมแล้วมาดูกันเลย !!!
วิศวกร คือ อะไร ?
วิศวกร คือ อะไร คำถามสำรวจตัวเองก่อนว่าเรามองภาพอาชีพและคณะวิศวกรรมศาสตร์นี้ เป็นอย่างไรในมุมมองของเรา น้องหลาย ๆ คนอาจจะตอบพี่ว่า
“วิศวกร คือ ผู้สร้าง”
“วิศวกร คือ นักพัฒนา”
“วิศวกร คือ นักประดิษฐ์”
“วิศวกร คือ ผู้ที่นำเอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้กับปัญหาต่างๆ เพื่อส่งเสริมสภาวะแวดล้อมให้เหมาะสมกับความเป็นอยู่ของมนุษย์” หรือ สำหรับในความคิดของพี่ วิศวกร คือ”นักแก้ไขปัญหา” ไม่มีมุมมองไหนที่ผิด เพราะเรามีปัญหา เราจึงมีวิศวกรที่คอยคิด ประดิษฐ์ สร้างสรรค์ พัฒนา สิ่งต่าง ๆ ขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหา ตอบสนองและส่งเสริมสภาวะแวดล้อมให้เหมาะสมกับความเป็นอยู่ของเราดังนั้น หากน้องอยากจะสอบเข้าคณะนี้ อยากประกอบอาชีพในสายนี้ สิ่งที่น้องจะเจอ จะได้เรียนรู้ในอนาคต นั่นคือการเรียนรู้ที่จะนำองค์ความรู้ ศาสตร์ในด้านต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่มนุษยชาติมากที่สุดนั่นเอง
วิศวกร ยังมีความจำเป็นอย่างมากในโลกอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ?
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในยุคปัจจุบันที่ซึ่งมีเทคโนโลยีอันก้าวล้ำหลากหลาย ทั้งปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ (AI) เทคโนโลยีจำลองอาคารเสมือนจริง หรือบิม (BIM) เทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติ (3D Printing) หุ่นยนต์ (Robotics) อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีที่มารองรับต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ที่เติบโตหลังโควิด-19 มีทั้งเศรษฐกิจสีเขียว (Green economy) เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) เป็นต้น ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับการทำงานของวิชาชีพวิศวกรแทบทั้งสิ้น ซึ่งการพัฒนาในทุกด้านที่กล่าวมาสามารถต่อยอดสู่การทำงานของ 3 กลุ่มอาชีพในสาขาวิศวกรรมที่น่าสนใจ นั่นคือ
วิศวกรสายไอที เช่น วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ วิศวกรรมอัตโนมัติและหุ่นยนต์ เป็นต้น เนื่องจากเทรนด์เทคโนโลยีในปัจจุบันที่ได้เข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก ทั้งแมชชีน เลิร์นนิ่ง (Machine Learning) ไอโอที (IoT) และอื่น ๆ เพื่อลดข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดจากตัวบุคคล ทั้งยังช่วยประหยัดเวลาในการดำเนินงานขั้นตอนต่าง ๆ ลงด้วย
วิศวกรสายโครงสร้างสาธารณะ เช่น วิศวกรรมโยธา วิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมไฟฟ้า วิศวกรรมระบบราง เป็นต้น ในอนาคตโปรเจกต์เชิงโครงสร้างสาธารณะ การขนส่งและคมนาคมด้วยรถไฟฟ้าระบบราง จะมีการขยายตัวเต็มรูปแบบ เพื่อกระตุ้นทั้งการท่องเที่ยวและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน สู่การเป็นสมาร์ทซิตี้ (Smart City) และสมาร์ทอินดัสทรี (Smart Industries) ในอนาคตนั่นเอง
วิศวกรสายยั่งยืน เช่น วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม วิศวกรรมแมคคาทรอนิกส์ เป็นต้น จากกระแสการสร้างสังคมแห่งความยั่งยืน ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ หรือใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุด สายนี้จึงเป็นอีกหนึ่งสายเนื้อหอมที่เป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามวิศวกรในสาขาอื่น ๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึงก็มีความสำคัญไม่แพ้ 3 สายนี้เช่นกัน อาทิเช่น วิศวกรรมชีวการแพทย์ เป็นสาขาวิชาที่นำเอาความรู้ทางด้าน “วิศวกรรมศาสตร์ + วิทยาศาสตร์การแพทย์” มาประยุกต์ใช้ร่วมกัน อีกหนึ่งสาขาที่กำลังมาแรง ที่ตอบโจทย์เรื่องของสุขภาพและการดำเนินชีวิตในอนาคตด้วยนั่นเอง
อยากติดคณะวิศว ต้องสอบวิชาอะไรบ้าง
สำหรับน้อง ๆ ว่าที่วิศว การสอบเข้าเพื่อเรียนต่อในคณะวิศวกรรมศาสตร์จะถูกแบ่งออกเป็น 4 รอบ คือ รอบ Portfolio, รอบ Quota, รอบ Admission และรอบ Direct Admission ซึ่งแต่ละรอบแต่ละมหาลัยจะมีจำนวนรับและเกณฑ์ในการคัดเลือกเข้าเรียนต่อที่แตกต่างกันแต่พี่วีวี่เชื่อว่าน้อง ๆ ที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่คงกำลังหมายมั่นหรือโฟกัสไปที่รอบ Admission(รอบที่ 3) ซึ่งสำหรับรอบนี้หลาย ๆ มหาลัยได้ประกาศเกณฑ์และน้ำหนักคะแนนที่ใช้ในการยื่นคัดเลือกมาแล้ว โดยคะแนนวิชาหลัก ๆ ที่น้อง ๆ ควรจะต้องมีในมือเพื่อใช้ยื่น ได้แก่
ดูเกณฑ์น้ำหนักคะแนนเพิ่มเติมได้ที่ >> mytcas.com
จากเกณฑ์น้ำหนักคะแนนของคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่พี่วีวี่ได้ยกตัวอย่างมาน้อง ๆ จะเห็นว่าหลาย ๆ มหาลัยจะใช้คะแนนของวิชา ความถนัดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ หรือ TPAT3 เป็นหลักโดย TPAT3 จะเป็นการวัดความถนัดที่ไม่ได้เน้นในเชิงวิชาการหนัก ๆ เหมือน PAT3 (อ้างอิงจากข้อสอบที่ #DEK66 ได้สอบมา)
ตัวอย่างข้อสอบ TPAT3
5 เทคนิค เตรียมตัวติดวิศว
หาข้อมูลมหาลัยที่อยากเข้า และวางแผนการอ่านหนังสือให้ดี
ว่าที่เด็กวิศวะทุกคนจะมีสกิลแฝงบางอย่างที่ติดตัวเรามา นั่นคือการเป็นนักวิเคราะห์ หาข้อมูล และวางแผน ดังนั้นใช้มันให้เกิดประโยชน์ตั้งแต่ยังไม่เข้าเรียนในคณะเลยค่ะน้อง ๆ เราต้องเก็บข้อมูล ภาคและมหาลัยที่เราอยากเข้าว่าเค้าให้สัดส่วนน้ำหนักคะแนนเน้นไปที่วิชาไหน จุดไหนที่ต้องเน้นแล้ววางแผนการอ่านหนังสือในวิชานั้นแบบเน้น ๆ ไปเลย เช่น ถ้าเราอยากเข้าคณะวิศว จุฬาฯ ภาคทั่วไป เราจะเห็นแล้วว่านอกจากคะแนน TGAT และ TPAT3 เรายังต้องใช้คะแนนอีก 3 วิชา นั่นคือ A-Level คณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 (พื้นฐาน+เพิ่มเติม) (20%) A-Level ฟิสิกส์ (20%) และ A-Level เคมี (15%) เราจะสามารถวางแผนได้แล้วว่าวิชาที่ต้องเน้น หลังจากสอบ TGAT TPAT3 ไปแล้วนั่นคือ วิชาคณิตศาสตร์ วิชาฟิสิกส์( 2 วิชานี้สำคัญพอ ๆ กันหากดูจากน้ำหนักคะแนน ) และวิชาเคมี( อันนี้ลำดับความสำคัญจะรองลงมา ) นั่นเอง
ทุกครั้งที่ทำโจทย์ ต้องวิเคราะห์จุดผิดพลาดของตัวเองเสมอ
อย่ากลัวการทำโจทย์แล้วผิด การทำแล้วผิด ทำแล้วไม่ตรงกับเฉลยในวันนี้ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว จงกลัวการทำผิดในห้องสอบจะดีกว่า การทำผิดขณะเรากำลังฝึกนั่นคือจุดดีด้วยซ้ำ เพราะมันจะทำให้เราไม่ประมาท รอบคอบมากยิ่งขึ้นในห้องสอบ และทำให้เราอุดจุดอ่อนได้ทันเวลาก่อนวันสอบจริง เพราะฉะนั้นทำแล้วผิดต้องวิเคราะห์จุดผิดพลาดนั้นเสมอแล้ว Short Note เอาไว้ ตรงไหนไม่แม่น ตรงไหนที่ลืม ตรงไหนที่ยังไม่เข้าใจ ต้องกลับมาทบทวนซ้ำบ่อย ๆ นะน้อง
การจับเวลาเสมือนสอบจริง คือเรื่องที่ต้องทำ
คู่แข่งที่สำคัญในการสอบ ไม่ใช่เพื่อนเราที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ แต่ คือ “เวลา” เราควรฝึกบริหารจัดการเวลาตั้งแต่ที่บ้าน ไม่ควรไปฝึกในห้องสอบเด็ดขาด การฝึกจับเวลาทำข้อสอบจะช่วยลดความประหม่าในวันสอบจริง และจะทำให้เราสามารถประเมินตัวเองได้ว่าเรากำลังทำได้ตามเป้าหรือเปล่า หรือเรากำลังช้ากว่าที่ควรจะเป็น เช่น สำหรับสนามสอบ A-Level คณิตศาสตร์ น้องจะมีเวลา 90 นาที กับโจทย์ 30 ข้อ แสดงว่าทุก ๆ 30 นาที เราต้องทำได้ 10 ข้อ ถ้าได้น้อยกว่านี้แสดงว่าเรากำลังช้าเกินไป แต่ถ้าได้มากกว่า 10 ข้อ แสดงว่าเราทำเวลาได้ดีนั่นเอง
การพักผ่อนให้เพียงพอก่อนวันสอบคือเรื่องสำคัญ
การโหมอ่านหนังสือ หรือทำโจทย์แบบอดหลับอดนอนก่อนสอบ(One Night Miracle) ไม่ใช่เรื่องที่ดี เพราะจะทำให้สมองของเราไม่ปลอดโปร่ง ไม่พร้อมที่จะเผชิญกับข้อสอบในวันรุ่งขึ้น ขาดความคิดสร้างสรรค์ ยิ่งเพิ่มความกดดันและความเครียดต่อตัวเราในวันสอบ ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ดีอย่างที่เราต้องการ ดังนั้นพักผ่อนให้เพียงพอก่อนวันสอบด้วยนะน้อง ๆ
การเรียน การสอบที่โรงเรียน ไม่ควรละเลย
น้องหลาย ๆ คนอาจเข้าใจว่าเกรดไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นสำหรับการสอบเข้ามหาลัย( เกรดก็แค่ตัวเลขพี่! ) ซึ่งจริง ๆ แล้วในปัจจุบัน บางคณะ บางมหาลัย เราจะต้องใช้เกรดในการยื่นสอบเข้าด้วย เช่น คณะวิศว โยธา ของ ม.บูรพา ในรอบที่ 3 เราจะต้องใช้เกรดในการยื่นสอบเข้าด้วย หรือบางมหาลัยเกรดจะใช้เป็นเกณฑ์ขั้นต่ำในการยื่นสอบเข้าคณะนั้น ๆ ด้วย เช่น คณะวิศว จุฬาฯ ผู้ที่จะได้รับคัดเลือกจะต้องมี GPAX ขั้นต่ำ 2.00 ดังนั้นเกรดในโรงเรียนก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น้อง ๆ ห้ามทิ้งโดยเด็ดขาด
เดี๋ยวก่อนนนนน….ขอแถมอีก 1 เทคนิค
หาตัวช่วยเสริม เรียนพิเศษ ติวเพิ่ม เพื่อเก็บเทคนิคและเสริมความมั่นใจ
ในบางครั้งการที่มีอาจารย์มาบอก หรือมาสอนเทคนิคให้เรา ก็เป็นตัวช่วยหนึ่งที่จะพาเราไปสู่ความสำเร็จได้เช่นกัน ดังนั้นเพื่อเพิ่มความเข้าใจในการเรียนของเรา และเสริมเทคนิคที่จะช่วยในการทำข้อสอบของเราได้ การเรียนพิเศษเพิ่มก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่มีประโยชน์กับการเตรียมตัวสอบของเราด้วยนั่นเอง
ม.5 | ม.6 | |||||||
เทอม 2 | SUMMER | เทอม 1 | ปิดเทอม 1 | เทอม 2 | ||||
มี.ค. | เม.ย. | พ.ค. – มิ.ย. | ก.ค. – ก.ย. | ต.ค. | พ.ย. | ธ.ค. | ม.ค. – วันสอบ | |
เรียนจบเนื้อหา ม.ปลาย วิชา คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และ เคมี |
ลงเรียน คอร์ส ➤ TGAT BATTLE FIELD ความถนัดทั่วไป
และ คอร์ส ➤ TPAT3 BATTLE FIELD วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ วิศวกรรมศาสตร์ |
ฝึกฝนทำโจทย์ TGAT และ TPAT3 แบบจับเวลา เสมือนจริงจนถึงวันสอบ |
||||||
➤ ULTIMATE MATHS สำหรับเตรียมสอบ A-Level คณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 ➤ ULTIMATE PHYSICS สำหรับเตรียมสอบ A-Level ฟิสิกส์ ➤ ULTIMATE CHEM สำหรับเตรียมสอบ A-Level เคมี *➤ ULTIMATE ENGLISH สำหรับเตรียมสอบ A-Level ภาษาอังกฤษ (สำหรับหลักสูตรนานาชาติบางมหาลัย) |
ฝึกฝนทำโจทย์ ในแต่ละวิชา A-Level แบบจับเวลาเสมือนจริง จนถึงวันสอบ |